วันที่ 22 ก.ค. 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) ถึงการแก้ไขปัญหาหนี้ของบุคลากรในภาคการศึกษาทั้งประเทศว่า หนี้ คือ ต้นตอของปัญหาชีวิต และปัญหาเศรษฐกิจในภาพใหญ่ จึงเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ต้องรีบแก้
ครูจำนวนมากชีวิตจมอยู่กับหนี้ และตอนนี้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับคณะกรรมการกำกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินของรัฐบาล และกรมส่งเสริมสหกรณ์สัญจรไปแก้หนี้ครูทุกภาคทั่วประเทศ
เพื่อทบทวนความเข้าใจการดำเนินงานแก้ไขปัญหาหนี้สินครู โดยมีทั้งสถานีแก้หนี้ การไกล่เกลี่ยแก้ไขปัญหาครูที่มีเงินดำรงชีพเหลือน้อยกว่า 30% รวมถึงกำลังถูกดำเนินคดี
"หนี้ทำให้ทุกข์ ถ้าครูและบุคลากร คลายทุกข์ได้ การทำให้นักเรียนให้มีความสุขก็จะง่ายขึ้น เอาใจช่วยทีมงานแก้หนี้ รวมถึงคุณครูทุกท่านให้ผ่านพ้นมรสุมหนี้ไปได้โดยเร็ว" นายเศรษฐา ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลจากกระทรวงศึกษาธิการ ณ ช่วงเดือนธันวาคม 2566 ระบุถึง “หนี้ครู” ว่า ข้าราชการครูทั่วประเทศกว่า 9 แสนคน และในจำนวนนี้กว่า 80% มีปัญหาหนี้สินรวมกว่า 1.4 ล้านล้านบาท
โดยเจ้าหนี้รายใหญ่สุดของครู ได้แก่ สหกรณ์ออมทรัพย์ครู 8.9 แสนล้านบาท คิดเป็น 64% ของยอดหนี้ทั้งหมด อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ 5.64%
เจ้าหนี้ที่รองๆ ลงมา คือ ธนาคารออมสิน 3.49 แสนล้านบาท คิดเป็น 25% ของยอดหนี้ อัตราดอกเบี้ย 6.9% ธนาคารกรุงไทย 6.3 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 4% ของยอดหนี้ อัตราดอกเบี้ย 7.12% แล ะธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) 6.1 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 4% ของยอดหนี้ อัตราดอกเบี้ย 6.4%