จากอิทธิพลของร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย
ในขณะที่มีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้ และลมตะวันตกเฉียงใต้ในระดับบนปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ระหว่างวันที่ 16 ส.ค. – 14 ก.ย. มีสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 28 จังหวัด
เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ เลย อุดรธานี หนองคาย หนองบัวลำภู ปราจีนบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ระยอง ภูเก็ต ยะลา นครศรีธรรมราช พังงา ตรัง และสตูล รวม 129 อำเภอ 590 ตำบล 3,134 หมู่บ้าน
ประชาชนได้รับผลกระทบ 132,615 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยและดินถล่ม รวม 34 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ รวม 24 ราย
โดย นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยสถานการณ์ล่าสุด ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 10 จังหวัด รวม 33 อำเภอ 160 ตำบล 733 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 60,050 ครัวเรือน ดังนี้
เชียงราย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่สาย อ.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่จัน อ.เชียงแสน อ.เชียงของ และ อ.เมืองฯ รวม 24 ตำบล 123 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 45,329 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ผู้ได้ร้บบาดเจ็บ 2 คน ระดับน้ำลดลง
แม่ฮ่องสอน เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.สบเมย และ อ.ปางมะผ้า รวม 2 ตำบล 4 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 78 คน ระดับน้ำลดลง
ตาก เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.พบพระ อ.แม่สอด อ.แม่ระมาด และ อ.ท่าสองยาง รวม 11 ตำบล 31 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 720 คน ระดับน้ำลดลง
สุโขทัย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอกงไกรลาศ รวม 3 ตำบล 20 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 361 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
พิษณุโลก เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.พรหมพิราม อ.บางระกำ และ อ.เมืองฯ รวม 7 ตำบล 15 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 576 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
เพชรบูรณ์ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.หนองไผ่ และ อ.ชนแดน รวม 5 ตำบล 13 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 49 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
หนองคาย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.สังคม อ.ศรีเชียงใหม่ อ.ท่าบ่อ อ.เมืองฯ อ.รัตนวาปี รวม 16 ตำบล 75 หมู่บ้าน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
เลย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.ปากชม อ.เชียงคาน รวม 7 ตำบล 27 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
อ่างทอง เกิดน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอวิเศษชัยชาญ รวม 3 ตำบล 16 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 346 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
พระนครศรีอยุธยา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.บางบาล อ.บางปะหัน อ.ผักไห่ อ.เสนา อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางปะอิน และ อ.บางไทร รวม 82 ตำบล 409 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 12,584 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
ทั้งนี้ ปภ.โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน
ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย อาทิ เครื่องสูบส่งน้ำระยะไกล เครื่องสูบน้ำ รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย และรถผลิตน้ำดื่ม เพื่อระบายน้ำบรรเทาความเดือดร้อนและผลิตน้ำดื่มสะอาดแจกจ่ายให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
หากมีความจำเป็นต้องระบายน้ำออกจากพื้นที่ลงสู่พื้นที่อื่น ได้กำชับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ประสานเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการดำเนินการโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนเป็นสำคัญ และเลือกใช้วิธีการที่ส่งผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด พร้อมกันนี้ยังได้สนับสนุนถุงยังชีพ รวมแล้วกว่า 10,000 ชุด แจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย
ในส่วนของการเสริมกำลังดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนใน จ.เชียงราย ปภ. ร่วมกับกองทัพบก (ทบ.) สนธิกำลังร่วมส่งเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 จำนวน 1 ลำ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยประจำ ฮ.ปภ.32 "The Guardian Team" สนับสนุนภารกิจการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย
นอกจากนี้ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 เชียงราย ยังได้ส่งทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.เชียงราย ประกอบด้วย รถไฟฟ้าส่องสว่างขนาด 200 KVA รถผลิตน้ำดื่ม รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว รถลากเรือเคลื่อนที่เร็ว รถบรรทุกเล็ก เรือท้องแบน อุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำ เสื้อชูชีพ และถุงยังชีพ เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่
ปภ.ยังได้ส่งทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย ยานพาหนะ จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตใกล้เคียง และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตภาคอื่นที่ไม่มีสถานการณ์ภัย เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคเหนือโดยขณะนี้ทีมปฏิบัติการได้เดินทางถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 15 เชียงราย ซึ่งเป็นจุดระดมทรัพยากร (Staging area) ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมรับมอบภารกิจและกระจายทีมลงช่วยเหลือในพื้นที่ต่าง ๆ แล้ว
สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังต่อไป
ในส่วนของพื้นที่เสี่ยงภัยที่แม้ปัจจุบันยังไม่เกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้น ปภ.ได้ประสานจังหวัดให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมแจ้งเตือนประชาชนทันทีที่มีแนวโน้มเกิดสถานการณ์ภัยในพื้นที่ รวมถึงจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนทันทีที่เกิดสถานการณ์ภัยขึ้น
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามรายงานคาดการณ์สาธารณภัยและประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT โดยสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android และหากได้รับความเดือดร้อนจาก สาธารณภัย
สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784 โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
ข้อมูล/ภาพ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย