วันที่ 31 ส.ค.63 ในที่สุดที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีมติเอกฉันท์ปรับลดงบประมาณจัดซื้อ "เรือดำน้ำ" ของกองทัพเรือ เหลือ 0 ล้านบาท ตามที่กองทัพเรือแจ้งขอปรับลดงบประมาณ
ซึ่งเป็นมติการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2563 มีการพิจารณารายงานของคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน
สำหรับบรรยากาศการประชุม ช่วงเริ่มการประชุมนายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นประธานอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ได้ชี้แจงผลการประชุมของคณะอนุก่อนหน้านี้ว่า คณะอนุกรรมาธิการฯได้ประชุมและปรับลดงบประมาณ 4,521 ล้านบาท จำแนกเป็น ปรับลดในแผนงานพื้นฐาน 567 ล้านบาท ปรับลดในแผนยุทธศาสตร์ 3954 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ด่วน! รัฐบาลสั่งกองทัพเรือ เลื่อนแผนซื้อเรือดำน้ำจากจีน
เปิดเหตุผลเลื่อนซื้อ "เรือดำน้ำ" จากจีน
กองทัพเรือ ถอยสุดซอย แจ้งยกเลิกงบซื้อ "เรือดำน้ำ" 2 ลำ
นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญฯ กล่าวว่า งบประมาณสำหรับจัดซื้อเรือดำน้ำควรชะลอไปก่อน ซึ่งจะทำให้เราได้รับเรือดำน้ำในปี 2571 จึงควรให้ที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯมีมติให้ปรับลดงบประมาณในส่วนนี้
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง หนึ่งในประธานการประชุม กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เชิญกรรมาธิการแต่ละพรรคไปหารือถึงความเหมาะสมเกี่ยวกับเรือดำน้ำ จากการสอบถามได้มีข้อสรุปเห็นตรงกันว่าการมีเรือดำน้ำมีความจำเป็นอย่างยิ่ง จำนวน 3 ลำน้อยเกินไปด้วยซ้ำ เนื่องจากประเทศไทยมีทะเลถึงสองฝั่งและพื้นที่ชายฝั่งทะเล 12 ไมล์ทะเล ยังมีพื้นที่ทับซ้อนด้านความมั่นคงที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชน เรือดำน้ำได้ผ่านออกมาเป็นงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563 แต่ด้วยความปรารถนาดีและเห็นแก่เศรษฐกิจของประเทศ กองทัพเรือได้ส่งงบประมาณคืนเพื่อให้รัฐบาลไปแก้ปัญหาโควิด
"ต้องขอบคุณกองทัพเรือด้วยและจะมีการดำเนินการคืนงบประมาณให้ในปีงบประมาณ 2564 ต่อไป แต่เมื่อมาถึงการพิจารณางบประมาณปี 2564 ปรากฎว่าการแพร่ระบาดของโควิดยังไม่ได้คลี่คลาย เนื่องจากยังไม่มีวัคซีน ดังนั้น คณะกรรมาธิการวิสามัญฯเห็นว่าแม้เรือดำน้ำมีความจำเป็น แต่ยังไม่เหมาะในเวลานี้ เพราะโควิดอาจเกิดการระบาดรอบสองได้"
นายสันติ กล่าวอีกว่า กระทรวงกลาโหมและกองทัพเรือได้แจ้งมายังคณะกรรมาธิการว่าในปี 2564 กองทัพเรือยินดีให้ปรับงบประมาณจำนวน 3,925 ล้านบาท ในส่วนที่จะต้องไปจ่ายออกไปก่อนให้เป็น 0 ล้านบาท และให้กองทัพเรือไปใช้งบประมาณในปีถัดไปตามเห็นสมควร และให้กองทัพเรือไปเจรจากับทางผู้ผลิตว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไรในการทำให้ประเทศไทยมีเรือดำน้ำตามความประสงค์ ปีนี้เลื่อนงบประมาณงวดแรกในการจ่ายเรือดำน้ำออกไป กองทัพเรือได้มีหนังสือแล้ว ส่วนเงินที่ปรับออกไปนั้นคงเป็นหน้าที่ของหน่วยรับงบประมาณและสำนักงบประมาณจะไปพิจารณา
ต่อมา นายสันติ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ขอใช้สิทธิในฐานะกรรมาธิการ เพื่อเสนอญัตติให้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯปรับลดงบประมาณในส่วนนี้ตามที่กองทัพเรือได้ทำมาเป็นหนังสือถึงคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการวิสามัญฯในสัดส่วนของพรรคก้าวไกล อาทิ นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวที่ประชุมเพื่อให้มีการบันทึกว่า กรรมาธิการวิสามัญฯในส่วนพรรคก้าวไกล ไม่ได้คุยกับนายสันติตามที่มีการกล่าวอ้างว่าทุกพรรคเห็นควรให้มีการซื้อเรือดำน้ำ พรรคก้าวไกลยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการจัดซื้อเรือดำน้ำ และการเลื่อนออกไปเพียงหนึ่งปีงบประมาณนั้นไม่น่าจะเป็นประโยชน์
ขณะที่นายพิจารณ์ ได้สอบถามต่อที่ประชุมและตัวแทนสำนักงบประมาณว่า ปีงบประมาณ 2565 จะมีการพิจารณางบประมาณในส่วนเรือดำน้ำใหม่หรือไม่อย่างไร หรืองบประมาณส่วนนี้จะตกไปและกองทัพเรือต้องตั้งงบประมาณเข้ามาใหม่หรือไม่ และแนวทางของคณะกรรมาธิการวิสามัญกฎหมายงบประมาณในปีหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป
ด้านตัวแทนสำนักงบประมาณ กล่าวว่า รายการเรือดำน้ำที่มีการอนุมัติตั้งแต่ 2563 ส่วนการดำเนินการในปีงบประมาณ 2565 จะต้องรอความชัดเจนจากกองทัพเรือว่าได้มีการเจรจากับทางผู้ผลิตอย่างไรก่อน
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญและรองประธานคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ฯ กล่าวว่า ก่อนจะลงมติควรให้คณะอนุกรรมาธิการฯได้กล่าวรายงานเรื่องดำน้ำต่อที่ประชุมก่อนว่าคณะอนุกรรมาธิการฯมีรายละเอียดในเรื่องเรือดำน้ำอย่างไรบ้าง
แต่ปรากฎว่านายวราเทพ รัตนากร ที่ทำหน้าที่ร่วมประธานการประชุม ตอบโต้ว่า เมื่อประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯได้เสนอญัตติให้ที่ประชุมลงมติแล้ว จะต้องไปสู่ขั้นตอนของการลงมติ ส่วนเรื่องรายละเอียดของของคณะอนุกรรมาธิการฯนั้น ที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯดูได้จากเอกสารอยู่แล้ว หากนายยุทธพงศ์จะขออภิปรายก็ทำได้เฉพาะกรณีที่ไม่เห็นด้วยกับการปรับลดงบประมาณการจัดซื้อเรือดำน้ำเท่านั้น
โดยข้อท้วงติงนายวราเทพกลางที่ประชุมทำให้นายยุทธพงศ์ยุติการขออภิปรายไป จากนั้น ที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีมติเอกฉันท์เห็นด้วย 63 เสียง ต่อ งดออกเสียง 3 เสียง กับการปรับลดงบประมาณตามที่นายสันติเสนอ