วันที่ 29 เม.ย.2564 นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมของการเข้าใช้พื้นที่อาคารรัฐสภาในส่วนโถงกลาง ซึ่งเป็นห้องทำงานของส.ส.และกรรมาธิการ ว่า ตนได้สั่งการให้รองเลขาธิการที่ดูแลเกี่ยวกับระบบงานไอซีที ระบบอินเตอร์เน็ต ตรวจเช็คความพร้อม รวมถึงระบบสัญญาณเสียงตามสายในพื้นที่ เพื่อรองรับการเข้าใช้งานของส.ส. และเพื่ออำนวยความสะดวกของสมาชิกให้มากที่สุด อย่างไรก็ดีตามแผนเชิงธุรกิจในเดือนพฤษภาคมนี้ โซนโถงกลาง ซึ่งเป็นห้องพัก และห้องทำงาน ส.ส. ชั้น 5 - ชั้น8 ห้องประชุมกรรมาธิการ พื้นที่เชื่อมต่อกับห้องประชุมสภา จะใช้ได้ และสามารถมีพื้นที่กว้างเพียงพอต่อการจัดมาตรการสาธารณสุข เว้นระยะห่าง เมื่อถึงวันเปิดประชุมสภาฯ ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้
เลขาธิการสภาฯ กล่าวด้วยว่าสำหรับการส่งมอบพื้นที่นั้น ขณะนี้รอหนังสือส่งมอบงานจากบริษัทซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ฐานะผู้รับจ้าง ที่ได้ให้สัญญาว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในวันที่ 30 เมษายน นี้ และหลังจากได้รับหนังสือแล้ว คณะกรรมการตรวจการจ้างพิจารณา อย่างไรก็ดีขณะนี้กรรมการตรวจการจ้าง ซึ่งมีผู้ควบคุมงานร่วมเป็นกรรมการ อยู่ระหว่างการกักตัว 14 วันเนื่องจากเป็นผู้มีความเสี่ยง และจะครบกำหนดกักตัว วันที่ 7 พฤษภาคมนี้ และหลังจากนั้นจึงนัดประชุมเพื่อพิจารณารายละเอียดได้
“การตรวจรับพื้นที่ของคณะกรรมการตรวจการจ้างนั้น ต้องใช้เวลาพอสมควร ทั้งนี้นี้ตอบไม่ได้ว่าจะใช้เวลาขั้นต่ำ 6 เดือนตามที่ตั้งคำถามหรือไม่ อย่างไรก็ดีขณะนี้ตอบได้เพียงว่าสำนักงาน รอหนังสือส่งมอบงานจากบริษัทผู้รับจ้าง และรอให้คณะกรรมการตรวจการจ้างเป็นผู้พิจารณาตรวจรายละเอียด” นางพรพิศ กล่าว
ทั้งนี้ หลังจากที่บริษัทซิโน-ไทยฯ ส่งมอบพื้นที่หลังสิ้นสุดระยะตามสัญญาก่อนสร้าง วันที่ 30 เมษายน นี้ คณะกรรมการตรวจการจ้าง ที่ประกอบด้วยผู้ควบคุมงาน ต้องตรวจรับพื้นที่ก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน คือ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงเดือนตุลาคม 2564 อย่างไรก็ดีในระหว่างการตรวจรับงานนั้น สำนักงานเลขาธิการสภาฯ จะขอเข้าใช้พื้นที่โดยไม่มีการตรวจรับ ตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 10 ส่วนชั้น 11 ที่เป็นโซนเครื่องยอด และโถงพระราชพิธีนั้นจะสงวนสิทธิ์การเปิดพื้นที่
ส่วนกรณีที่บริษัทซิโน-ไทยฯ ทำหนังสือเพื่อขอลดหรืองดค่าปรับกับทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ นั้น รายงานข่าวจากสำนักงานเลขาธิการสภาฯ แจ้งว่า คณะกรรมการตรวจการจ้างฯ ยังไม่ได้พิจารณาในประเด็นดังกล่าว แม้ก่อนหน้านี้จะทำหนังสือเพื่อสอบถามไปยังคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุลภาครัฐ (กจว.) กรมบัญชีกลาง แล้ว เนื่องจากมีหนังสือของกรมบัญชีกลาง รระบุว่า การจ่ายค่างวดก่อสร้างต้องดำเนินการให้เป็นไปตามสัญญา โดยไม่สามารถนำงวดค่าจ้างหักกับค่าปรับได้ ดังนั้นการพิจารณาปรับหรือลดค่าปรับนั้น ต้องพิจารณาตามความเป็นจริงและเกิดขึ้นภายหลังจากที่สำนักงานเลขาธิการสภาฯ รับมอบพื้นที่แล้ว เพราะต้องนำรายละเอียดและเหตุผลที่บริษัทผู้รับจ้างยื่นเสนอ เช่น สถานการณ์โควิด-19 , การประกาศเคอร์ฟิว ที่คนงานไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ เป็นต้น