วันนี้(23 ก.ค.64) ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้น ยกฟ้อง ในคดีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยื่นฟ้องตั้งแต่ปี 2551 ขอเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมเจ้าท่า ที่ให้รื้อถอนสิ่งล่วงล้ำลำน้ำในแม่น้ำแควน้อย จ.กาญจนบุรี
โดยศาลเห็นว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ รับในคำฟ้องว่า ที่ดินของตน ด้านหน้ามีพื้นที่ติดแม่น้ำแควน้อย ซึ่งกระแสน้ำมีความรุนแรงเชี่ยวกราก ทำให้กัดเซาะริมตลิ่งในที่ดินทำให้ดินพังทลายบางส่วนและรกล้ำเข้าไปในที่ดินของตนเอง ซึ่งเป็นข้ออ้างของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ในการขออนุญาตทิ้งหินกันน้ำเซาะต่อเจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 สาขากาญจนบุรี
การที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อ้างว่ากระแสน้ำในแม่น้ำแควน้อยมีความรุนแรงเชี่ยวกราก กัดเซาะที่ดินริมตลิ่งนั้นย่อมไม่อาจเป็นไปได้เลยที่จะเกิดที่งอกริมตลิ่งออกจากที่ดินของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ตาม นส. 3ก.เลขที่ 1294 แต่เป็นที่ดินที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ว่าจ้างให้มีการถมดินลงไปในแม่น้ำแควน้อยพื้นที่ประมาณ 1,500 เมตร แล้วได้มีการทำประโยชน์ในที่ดินส่วนนี้ โดยปลูกต้นไม้ จัดเป็นสวนหย่อมทำทางเท้าปูหินแผ่นไปตามแม่น้ำแควน้อย
การกระทำดังกล่าวของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จึงเป็นการฝ่าฝืนการอนุญาตของเจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 สาขากาญจนบุรี โดยทิ้งหินดินเกินกว่าแนวเขตที่ดินนส 3 ก.ลงในแม่น้ำแควน้อยโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าท่าตามมาตรา 119 พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย 2556
และการปลูกต้นไม้ทำสวนหย่อมทำทางเท้าที่ปูด้วยแผ่นหิน ก็เป็นการปลูกสร้างสิ่งอื่นใดล่วงล้ำเข้าไปในน้ำไม่ได้มีลักษณะเป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินตามที่ได้รับอนุญาตให้ทิ้งหิน กันน้ำกัดเซาะลงในแม่น้ำ จึงเป็นการกระทำสิ่งอื่นใดล่วงล้ำเข้าไปในแม่น้ำแควน้อย โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าท่าตามมาตรา 117 วรรคหนึ่งของพระราชบัญญัติเดียวกัน
ดังนั้น การที่เจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 สาขากาญจนบุรีมีหนังสือสำนักงานการขนส่งทางน้ำที่ 3 สาขากาญจนบุรีที่ คค 0312.2/160 ลงวันที่ 11 เม.ย. 51 มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ดำเนินการรื้อถอน 4 สิ่งล้ำลำน้ำในแม่น้ำแควน้อยออกให้พ้นจากแม่น้ำภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง และคำวินิจฉัยของปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ยกอุทธรณ์ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แจ้งตามหนังสือสำนักงานการขนส่งทางน้ำที่ 3 สาขากาญจนบุรี ด่วนที่สุด คค0312.2/305ลงวันที่ 1 ก.ค. 51 เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว