สั่งจับตา เรือนจำ จ.กระบี่ หลังผู้ต้องขังก่อจราจร หวั่นเกิดเหตุซ้ำรอย

17 ธ.ค. 2564 | 09:08 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ธ.ค. 2564 | 16:21 น.

นายกฯ สั่งจับตา เรือนจำ จ.กระบี่ หลังผู้ต้องขังก่อจราจร อยู่ในการควบคุม หวั่นเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ขณะที่ สมศักดิ์ กำชับอธิบดีราชทัณฑ์ เร่งตรวจสอบ ย้ำจบให้เร็ว

วันที่ 17 ธ.ค.2564 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม รับทราบรายงานสถานการณ์การก่อจราจลภายในเรือนจำจังหวัดกระบี่ ภายหลังแกนนำผู้ต้องขังชาย ก่อจลาจลภายในเรือนจำ ขณะนี้ สถานการณ์อยู่ในการควบคุมได้ ไม่มีการขยายความรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ และนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เข้าพื้นที่เพื่อร่วมควบคุมเหตุแล้ว โดยได้ดำเนินการย้ายผู้ต้องขังหญิงไปที่เรือนจำชั่วคราวกระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ เพื่อดูแลความปลอดภัย ส่วนผู้ต้องขังที่ยังอยู่ในเรือนจำ ให้คัดกรองโควิด-19 แยกผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อเร่งรักษาตามขั้นตอน

 

นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับตาควบคุมสถานการณ์ภายในเรือนจำ รักษาผู้ต้องขังที่ติดเชื้อให้ดีที่สุด และอำนวยความสะดวกในการขนย้ายผู้ต้องขังที่จะต้องย้ายเรือนจำด้วยความปลอดภัย โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งค้นหาสาเหตุและถอดบทเรียนจากสถานการณ์ดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย พร้อมสั่งให้มีรายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
 

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม

ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการเกิดเหตุจลาจลในเรือนจำจังหวัดกระบี่ว่า ตนได้ติดตามและรับฟังรายงานอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเกิดเหตุความวุ่นวายตั้งแต่เช้าวันที่ 16 ธ.ค. จากนั้นในช่วงค่ำแกนนำผู้ต้องขังประมาณ 40 คน เรียกร้องหลังมีผู้ต้องขังที่ติดโควิด-19 โดยมี ผบ.เรือนจำ และ ผบก.ภูธรจังหวัดกระบี่ เข้าเจรจา และทยอยนำผู้ต้องขังที่ป่วยส่งโรงพยาบาล และย้ายผู้ต้องขังหญิงไปยังเรือนจำชั่วคราวกระบี่น้อย จนกระทั่งเวลาประมาณ 04.30 น.วันที่ 17 ธ.ค. ผู้ต้องขังได้เริ่มเผาทำลายอาคารร้านค้าสงเคราะห์และสูทธรรม โดยใช้ถังแก๊ส โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้รถดับเพลิงเข้าควบคุมไม่ให้เพลิงลุกลาม

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เงื่อนไขของการกำกับดูแลเรือนจำในต่างจังหวัดนั้น อำนาจจะอยู่ที่จังหวัด ตนจึงได้สั่งการให้  อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ไปประสานกับจังหวัดกระบี่ และร่วมตรวจสอบในประเด็นที่เกิดขึ้น โดยตนได้สั่งให้ร่วมทำงานแบบบูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แก้ปัญหาให้จบโดยเร็ว และได้มีการกำชับเรื่องการขนย้ายผู้ต้องขังที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ต้องทำอย่างละเอียดถี่ถ้วน ตนได้กำชับเรื่องนี้ไปอีกเรื่องหนึ่ง เพราะต้องขนย้ายผู้ต้องขังไปหลายจุด

 

ส่วนการที่ผู้ต้องขังนำเรื่องโควิด-19 มาอ้างเป็นเหตุในการก่อจลาจลนั้น ข้อเท็จจริงคือ ในเรือนจำจังหวัดกระบี่ มียารักษาโควิดและยาฟ้าทะลายโจรเตรียมพร้อมอยู่แล้ว และมีเพียงพอสำหรับผู้ต้องขังทุกคน รวมถึงมาตรการควบคุมและรักษาโควิดก็มีเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งในชั้นการตรวจสอบอย่างละเอียดคงต้องรอทางกรมราชทัณฑ์เป็นผู้แถลงให้ทราบอย่างเป็นทางการเป็นระยะ