ชะลอ“ปลูกกัญชาเสรี”ไว้ก่อน “วิษณุ”ชี้ป.ป.ส.-สธ.กำลังแก้ปัญหาข้อกฎหมาย

18 ม.ค. 2565 | 08:23 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ม.ค. 2565 | 15:26 น.

“วิษณุ”แนะประชาชนชะลอ“ปลูกกัญชาเสรี”ไว้ก่อน รอให้ได้ยุติระหว่างสธ. กับ ป.ปส.ในประเด็นปัญหาด้านกฎหมายก่อน

วันนี้(18 ม.ค.65) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงข้อถกเถียงระหว่างกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เรื่องการปลูกกัญชาถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ว่า ได้คุยกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ได้ยินว่าผู้เกี่ยวข้องกำลังหารือว่าจะแก้ปัญหา  

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าประชาชนควรจะรับฟังฝ่ายใด หรือควรจะชะลอการปลูกไปก่อน นายวิษณุกล่าวว่า ให้ชะลออยู่นิ่งๆ สักพักก่อน 
 

ก่อนหน้านี้ นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (รองเลขาธิการ ป.ป.ส.) ในฐานะโฆษก สำนักงาน ป.ป.ส. ออกมาระบุหลังจากประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2564 ซึ่งในหมวดประเภทของยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ ไม่มีชื่อ “กัญชา” อยู่ในยาเสพติดประเภท 5 ว่า ประเภท 5 ยาเสพติดให้โทษที่มิได้เข้าอยู่ในประเภท 1 ถึงประเภท 4 เช่น พืชฝิ่น

 

แม้ว่าประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ จะไม่มีชื่อ “กัญชา” อยู่ในยาเสพติดประเภท 5 แต่ประมวลกฎหมายยาเสพติดฯ ใหม่นั้น ได้ประกาศไว้ถึงการระบุชื่อยาเสพติดให้โทษว่า ยาเสพติดให้โทษชื่อใดอยู่ในประเภทใด ให้เป็นไปตามกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ป.ป.ส. ประกาศกำหนด 

จากเรื่องดังกล่าว กัญชา ยังคงอยู่ในบัญชียาเสพติดประเภท 5 ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2563 ที่มีผลบังคับใช้อยู่ ยกเว้นวัตถุหรือสาร เฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้ผลิตในประเทศ เช่น เปลือก เส้นใย ใบที่ไม่มีช่อดอกติดมา สารสกัด CBD ที่มีสาร THC ไม่เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนัก

 

ดังนั้น การปลูกกัญชาเองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะกัญชายังเป็นยาเสพติดประเภท 5 โดยแม้ว่าจะปลดล็อกในบางส่วนของพืชกัญชา เช่น เปลือก เส้นใย ใบ รวมถึง สาร CBD แต่มีข้อแม้ว่าส่วนประกอบดังกล่าวต้องมีที่มาจากแหล่งผลิตที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น 

 

โดยผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษ ในประเภท 5 อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 93 ของพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 500,000 บาท ถ้าเป็นการกระทำเพื่อการค้า ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 1,500,000 บาท