"ชลน่าน" ถล่มรัฐบาล"แพง จน พัง ทั้งแผ่นดิน" แนะ"บิ๊กตู่"ลาออก - ยุบสภา

 วันที่ 17 ก.พ. 2565 การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในญัตติการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 โดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม โดยวันนี้เป็นเรื่องด่วน ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 พร้อมย้ำระเบียบตามข้อบังคับการประชุมต่อสมาชิกในที่ประชุม

กระทั่งเวลา 09.58 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เริ่มเปิดการอภิปรายทั่วไปโดยระบุถึงประเด็นหลักในญัตติ คือ วิกฤติเศรษฐกิจ ในยุคข้าวของแพงค่าแรงถูก แพงทั้งแผ่นดิน, วิกฤติโรคระบาด ทั้งโควิด-19 โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) การแก้ปัญหาขาดองค์ความรู้และภูมิปัญญา,

วิกฤติทางด้านการเมือง ยุคปฏิรูปการเมืองที่ล้มเหลว ยุคการเมืองที่ใช้เงินเป็นหลัก และวิกฤติเรื่องของความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดนี้ที่ไร้ประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมาย เช่น ปัญหายาเสพติด, การทุจริตคอร์รัปชัน, PM 2.5, เหมืองทองอัครา

ที่สำคัญคือการบริหารราชการแผ่นดินที่ทำให้ประเทศชาติสูญเสียโอกาสในการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ สถานการณ์ขณะนี้เป็นวิกฤติของประเทศ ต้องแก้ปัญหาให้ลุล่วงอย่างรวดเร็ว

การอภิปรายวันนี้เป็นการทำหน้าที่ของ ส.ส. ที่เห็นประโยชน์ประชาชนเป็นสำคัญ มีความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 อย่างชัดแจ้ง ไม่มีเหตุผลแอบแฝงให้รัฐบาลมีความกังวลใจ ต้องการที่จะซักถามข้อเท็จจริงและปัญหาที่เกิดขึ้นต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ได้มุ่งหมายต่อรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง เชื่อมั่นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน

ปัญหาที่ฝ่ายค้านจะเสนอแนะคือเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึง ครม. ไม่รู้ว่าคือปัญหา สาเหตุ และนำไปสู่แนวทางแก้ไขเร็วที่สุด

ทั้งนี้ จะนำหน้าที่ชี้เป้าให้สมาชิกขยาย ไม่ได้มุ่งหมายถล่มนายกรัฐมนตรี แต่มุ่งถล่มปัญหา ตีให้แตก เสนอแนวทางแก้ สรุปญัตติสั้นๆ คือ “แพง จน พัง ทั้งแผ่นดิน” นี่คือการทำงานร่วมกันให้แก้ปัญหาบ้านเมือง ไม่ต้องเก็งข้อสอบและกังวลใดๆ การอภิปรายจะครอบคลุมทุกมิติ คนไทยทุกข์ระทมกับของแพงทั้งแผ่นดิน แต่ค่าแรงแสนจะถูก เอาประชาชนเป็นตัวตั้งมุ่งหวังว่าวิกฤติต่างๆ ขณะนี้ อย่าเห็นความเสียหาย เจ็บป่วย ตาย เป็นเรื่องปกติ อย่าเมินเฉยต่อการแก้ปัญหา ยืนยันว่าไม่ได้มีอคติ ไม่มีประเด็นประเด็นมุ่งโจมตี แต่เพื่อนำไปสู่แก้ปัญหาให้ประชาชน

ความล้มเหลวจนปัญญาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เป็นความผิดพลาดที่ชัดเจนจากการบริหารแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ ครม. กู้แต่ไม่นำเงินมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จนเกิดหนี้ต่างๆ มากมายกับประชาชนและประเทศ, การใช้งบเงินกู้ จัดสรรงบปีประมาณปี 2565 ไม่สอดคล้องเหมาะสม เป็นความสืบเนื่องกับปัญหาที่คงค้างอยู่, ของแพงค่าแรงถูก จนเกิดเงินเฟ้อ เฟ้อจากต้นทุนการผลิตที่สูง คนตกงานจำนวนมาก ใช้มาตรการที่บกพร่องล็อกดาวน์จนส่งผลกระทบมาจนถึงปัจจุบัน,

ความสามารถในการแข่งขันของไทยย่ำแย่ ผูกขาดไม่สร้างโอกาสให้ประชาชน ไม่เอื้อต่อการลงทุน, วิกฤติการเมือง รัฐบาลไม่สนับสนุนการปฏิรูปการเมือง ไม่เห็นรูปธรรม แต่กลับทำลายล้างระบอบประชาธิปไตย, เทคโนโลยีไม่มีความพัฒนาก้าวหน้า มีการทุจริตเกิดขึ้น, การท่องเที่ยวล้มเหลว หดตัว เข้าใจว่าจากสถานการณ์โควิด แต่ประเทศเพื่อนบ้านกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว, พี่น้องเกษตรกรได้รับความเดือดร้อน

รวมถึงโรคระบาด ASF เหตุใดจึงปกปิดและไม่ยอมประกาศเป็นโรคระบาด, โรคโควิด-19 เป็นความผิดพลาดบกพร่องการบริหารราชการ เลี้ยงโรคเลี้ยงไข้ พร้อมมองว่าโอมิครอน (Omicron) เข้ามาช่วยชีวิตรัฐบาลไว้ เรื่องวัคซีนโควิด-19, วิกฤติการเมืองต่างๆ การแจกกล้วย, การประมง กฎหมายที่ก่อเกิดปัญหาอย่างมากมาย