“ดร.เอ้”ประกาศสร้างกรุงเทพ เป็นเมืองอัจฉริยะ ปชช.ใช้อินเตอร์เนตฟรี

 เวที"โค้งสุดท้าย ศึกชิงผู้ว่าฯกทม.  ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนที่ 17 จะเป็นใคร" ในวันอาทิตย์ที่ 15  พ.ค. ที่ผ่านมา   ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์  หรือ ดร.เอ้ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคประชาธิปัตย์   แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการพัฒนากรุงเทพให้เป็นเมืองอัจฉริยะ ว่า ขอเป็นผู้ว่าฯกทม.ที่ใช้เทคโนโลยีในการยกระดับชีวิตประชาชน  ให้มากขึ้น ให้เป็นเมืองคืนความสุข คืนความปลอดภัยในชีวิต และคืนเวลาให้ประชาชน

 

 ประชาชนต้องได้ใช้อินเตอร์เน็ตฟรี เพราะเป็นจุดเริ่มต้นทุกอย่าง  เป็นจุดเริ่มต้นของ กทม. จะเห็นระบบเครือข่ายไวไฟ 150,000 จุดที่จะเกิดขึ้น มันจะช่วยให้กล้องวงจรปิดเป็นอัจฉริยะ ไม่ใช่ตาบอดเหมือนทุกวันนี้ 

 

ประชาชนจะเห็นการบริการประชาชน ไม่ต้องเสียเวลาไปที่เขต ไปขอสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านและการขออนุญาตที่เป็นช่องทางการคอรัปชั่น   ถ้าเป็นออนไลน์หมด ทุกอย่างจะไม่เกิดกา รทุจริตขึ้น   แต่จะอำนวยความสะดวก ตรวจสอบได้ติดตามได้

ส่วนปัญหาน้ำท่วม ในกทม. ก็เป็นปัญหาใหญ่ น้ำท่วมกรุงเทพยังรอคนไขกุญแจ รอคนสตาร์คเครื่อง แบบนี้มันก็จม  ถ้าใช้ระบบเครือข่ายไวไฟช่วยอำนวยความสะดวกในการแก้ปัญหาน้ำท่วม ประตูน้ำ ให้สอดประสานกัน ชีวิตคนกรุงเทพก็เปลี่ยน ตนจึงตอกกย้ำว่าจะใช้เทคโนโลยีอย่างไรแก้ปัญหาและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนตคนกรุงเทพให้เป็นเมืองอัจฉริยะจริงๆ 

ส่วนคำถามจะ พัฒนาโครงการพัฒนากทม. เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่ยั่งยืนอย่างไรนั้น ดร.เอ้ กล่าวว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของโลกจะไม่กลับมาเหมือนเดิม วันนี้นักท่องเทียวจะถามเรื่องจะถามเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางมาเมืองนั้นๆ และปลอดภัยจากโรคติดต่อ การถ้าตนเป็นผู้ว่าฯกทม.จะลงไปกำชับเรื่องการรับมือโควิดทันที เพราะเราพร้อมกับการเปิดประเทศ เพราะไม่เช่นนั้นนักท่องเที่ยวก็ไม่มาประเทศไทย ไม่เข้ามากรุงเทพ ผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด 

ส่วนความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน  ไม่ว่ากลางวัน และกลางคืน นักท่องเที่ยวไม่ว่าคนไทยหรือต่างชาติ ต้องปลอดภัย ไฟฟ้าต้องสว่าง กรุงเทพต้องสว่าง  ต้องมีกล้องซีซีทีวี ไวไฟ จำเป็นที่สุด  เมื่อมีความพร้อมอย่างนี้แล้ว ผู้ว่าฯกทม.ต้องมีหน้าที ประชาสัมพันธ์ ซึ่งนโยบาย  “12 เทศกาลใหญ่ กับ 50 เทศกาลเขต”ให้รู้ว่า กทม.มีคนน่ารัก มีวัฒนธรรมที่ทุกคนอยากมา  การโปรโมทนี้จะไปอยู่ทุกเขตให้ทั่วถึง ดูแลให้การสัญจร ความเป็นระเบียบ เน้นย้ำความปลอดภัยไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน  

 

ส่วนประเด็น ถ้าเป็นผู้ว่าฯกทม.ครบวาระ 4 ปี จะทำอะไร ดร.เอ้ กล่าวว่า ในวาระ 4 ปี ข้อแรกคนกรุงเทพจะได้ใช้อินเตอร์เนตฟรี เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงเพราะทุกเมืองทั่วโลกทำกันแล้ว    จะสร้างการเปลี่ยนแปลง ยกระดับการบริการ ความโปร่งใส  และหยุดปัญหา ซ้ำซากที่จะใช้คน 

ข้อสอง โรงเรียนใกล้บ้านจะเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง  หนึ่งเขตจะมีต้องโรงเรียนสาธิตกทม.ต้นแบบ  ใน 4 ปี จะเห็นอย่างน้อย 50 โรงเรียน ลูกท่านมาฝากผมได้ตั้งแต่ก่อนอนุบาล จนถึงมหาวิทยาลัยของ กทม. 

 

ข้อสาม เรื่องสาธารณสุข เป็นเรื่องสำคัญ ผมเคยสร้างโรงพยาบาล เครื่องมือแพทย์ วันนี้ต้องเติมเข้าไป  ใน 4 ปีจะเห็นศูนย์สาธารณสุข 69 แห่ง  และโรงพยาบาล 80  แห่ง ดูแลประชาชนครบถ้วนทุกมุมเมือง

 

 

 เรื่องสาธารณสุข เป็นเรื่องสำคัญ ผมเคยสร้างโรงพยาบาล เครื่องมือแพทย์ วันนี้ต้องเติมเข้าไป  ใน 4 ปีจะเห็นศูนย์สาธารณสุข 69 แห่ง  และโรงพยาบาล 80  แห่ง ดูแลประชาชนครบถ้วนทุกมุมเมือง

 

ข้อสุดท้าย  กรุงเทพ กำลังจะจมน้ำ น้ำทะเลหนุนมาแล้ว ลูกหลานเราไม่สามารถดื่มน้ำประปาได้อีกแล้ว  น้ำเค็มทะลุมาถึงปทุมธานีแล้ว  ตนจะเป็นผู้ว่าฯกทม. ที่เริ่มโครงการป้องกันน้ำทะเลหนุน  เพราะฉะนั่นไม่มีนโยบายอะไรสำคัญ ถ้ากรุงเทพดจมทะเล 

 

ส่วนแนวทางที่จะพัฒนามหานครในสองฝั่งเจ้าพระยาและสายน้ำเจ้าพระยาอย่างไร  ดร.เอ้ กล่าวว่า ตนฝันมาตลอดอยากเห็นกรุงเทพกลับไปเป็นเวนิสตะวันออก  เวนิสเมื่อ 400-500 ปีที่แล้ว วันนี้ก็ยังงดงาม แม่น้ำและลำคลองมีการดูแล และที่สำคัญสะอาดและเข้าถึงได้

ลองถามตัวเองดูว่าแม่น้ำเจ้าพระยาที่จริงแล้วเป็นสมบัติของกรุงเทพ ของคนไทยหรือเป็นสมบัติของโลก วันนี้เราย้ำยี เจ้าพระยาถึงไหน  น้ำเสียที่ไม่ได้รับการดูแลถูกปล่อยลงลงแม่น้ำเจ้าพระยา   เราเข้าถึงแม่น้ำเจ้าพระยาแค่ไหน  หรือคนมีสตางค์เท่านั้นที่จะได้มีโอกาสเข้าถึงแม่น้ำเจ้าพระยา

 

ตนตั้งใจจะดูแลมาให้คลองต่างๆปล่อยน้ำเน่าเหม็นลงแม่น้ำเจ้าพระยาโดยไม่ได้รับการดูแล ตนตั้งใจจะกำกับดูแลด้วยตัวเอง   
และที่สำคัญ สายใยของ50 เขต ล้วนเชื่อมโยงถึงแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสิ้น

 

ตอนนี้คลองหลายแห่งไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้ เพราะประตูระบายน้ำกีดขวางอยู่  การคืนกรุงเทพให้เป็นเวนิสตะวันออก มีปัญหาด้านวิศวกรรม เป็นปัญหาด้านเมทคนิคต้องมีคนที่รู้และเข้าใจเกี่ยวกัยบเรื่องนี้  ไม่เช่นนั้น 4  ปี ทุกอย่างอาดจจะสายเกินไป  
ตนใส่ใจเรื่องน้ำมากที่สุด ถ้าน้ำกรุงเทพ เจ้าพระยา หรือคลองต่างๆยังไม่สะอาด และยังเชื่อมโยงไม่ได้ สายใยของคนกรุงเทพ  สายใยของความเป็นไทยก็ไม่สามารถเชื่อมโยงได้  

 

และคำถาม ทำอย่างไรจะทำให้คนต้องเลือกเป็นผู้ว่าฯกทม. มีหมัดเด็ดอย่างไร และจะบริหารจัดการปัญหาม็อบในกรงเทพอย่างไร  ดร.เอ้ กล่าวว่า กรุงเทพต้องเปลี่ยนบางทีอดยู่กันอย่างซ้ำซากไม่ได้ เพราะบ้านอื่นเมืองอื่นไปถึงไหนแล้ว อยากบอกว่า 4 ปี มีความหมายมาก เพราะ 4 ปี หลายๆอย่างอาจจะสายเกินไป

วันนี้ต้องได้คนสดใหม่ที่มีความคิดใหม่ๆ เพราะถ้าคิดแบบเดิมก็จะย่ำอยู่กับที่ สุดท้าย 4 ปีไม่ได้อะไร และปัญหาจะหนักหน่วงขึ้น 
วันนี้ตนมาพร้อมกับหลักวิชาการ หลักวิชาการด้านวิศวกรรม เพราะกรุงเทพดต้องยึดหลักด้านวิศวกรรมในการแก้ปัญหา เพราะไม่เช่นนั้นปัญหาก็จะสาหัสเหมือนเดิม

"ผมฝันว่าอยากจะเห็นลูกผม ลูกท่าน ได้เรียนโรงเรียนใกล้บ้านจริงๆ เพราะในอนาคตไม่ใช่แค่ 4 ปี วันนี้โลกก้าวกระโดดไปถึงไหนแล้ว  ผมอยากทำให้ท่านจริงๆ และมั่นใจว่าผมจะทำได้ดีที่สุด"

 
ดร.เอ้ กล่าวอีกว่า หน้าที่ผู้ว่า กทม ไม่ใช่ใครก็ทำได้ พูดเรื่องน้ำท่วมไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเป็นคนมีความรู้ความเชี่ยวชาญ เรื่องการศึกษา ก็ต้องคนที่เคยทำมาก่อน เรื่องสาธารณสุข ยากมากๆ ทำยากมาก และที่สำคัญต้องอาศัยคนที่จะทำต้องกล้าหาญมีความมุ่งมั่น คงไม่มีใครการีนตีได้ว่า ใครจะเป็นผู้ว่าฯที่ดีที่สุด แต่การีนตีได้เลยว่า จะเป็นผู้ว่าที่มุ่งมั่นที่สุด เพราะรู้ว่า 4 ปี อะไรมันก็สายเกินไป นโยบายของตนเป็นสิ่งที่ทำได้จริง

 

"ผมพูดตั้งแต่วันแรกต้องการเปลี่ยนกรุงเทพ เป็นเมืองสวัสดิการ  ต้องการให้ทุกคนได้ยืนขึ้นมาให้ขาแข็งแรงก่อน ไม่ว่าเรื่องปากท้อง การศึกษาและสาธารสุข ต้องทันสมัย  เราเสียโอกาสมาแค่ไหน ที่ไม่รู้จักใช้เทคโนโลยีมาใช้ในการบริหาร สร้างความโปร่งใสหยุดปัญหาซ้ำซาก   

 

ผมยิ่งเดิน ผมยิ่งรักคนกรุงเทพ ผมยิ่งเดิน ผมยิ่งนักประเทศไทย ผมรู้ว่าคนไทย คนกรุงเทพ มีศักยภาพ รอเพียงแต่ว่า ผู้ว่าฯกทม.เท่านั้นที่จะมายกระดับศักยภาพให้เต็มที่ " 

 

ดร.เอ้ กล่าวทิ้งท้ายว่า คนกรุงเทพทุกคน คือครอบครัวผม สิทธิขั้นพื้นฐานเราต้องให้ และคุ้มครอง ถ้ามีการชุมนุมใดๆถ้าทำตามกฎหมาย ผู้ว่าฯที่ชื่อสุชัชวีร์ จะดุแลเรื่องความปลอดภัยอย่างเต็มที่ ระบบเครือข่าย ซีซีทีวีไวไฟจะไว้ใจได้ทุกท่านจะไว้ใจได้ และที่สำคัญจะไม่เป็นคนสองมาตรฐาน