วันนี้(13 มิ.ย.65) ที่บริเวณสี่แยกสะพานช้างโรงสี หลังกระทรวงกลาโหม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. พร้อมด้วย นายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย เดินทางมาอ่านแถลงการณ์ต่อต้านการลงนามในบันทึกข้อตกลงยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก ร่วมกับ
ก่อนที่ในเวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีกำหนดการณ์ให้การต้อนรับ นาย Lloyd J. Austin III ( ลอยด์ เจ. ออสติน ที่สาม ) รมว.กลาโหมสหรัฐฯ และคณะ ในโอกาสเดินทางเยือนไทย อย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของกระทรวงกลาโหม ที่ ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม
โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้เริ่มทำการปราศรัยถึงวัตถุประสงค์ของการทำกิจกรรม และนำแผ่นป้ายที่มีข้อความว่า Get Out USA , No Indo-Pacific , ประยุทธ์ ตอบหน่อย ทำไมต้องเอาประเทศไทยเข้าไปร่วมปกป้องไต้หวัน มาวางบริเวณหน้ารั้วเหล็กกั้น โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.สำราญราษฎร์ สน.พระราชวัง และสน.ชนะสงคราม ร่วมกับดูแลความสงบเรียบร้อย
นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้ที่มาคุยกันในกระทรวงกระโหม เอาคนปัญญาอ่อนมาคิด ก็คิดไม่ได้ว่าจะมาคุยกันเรื่องเศรษฐกิจ พร้อมระบุว่า สหรัฐกำลังลากไทยเข้าสู่สงคราม ตามหลักการศัตรูของอเมริกา ก็คือ ศัตรูของไทย ทั้งที่ไทยไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร
“อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับไปศึกษาประวัติศาสตร์สงครามเวียดนาม และหลังประเทศไทยยินยอมให้สหรัฐอเมริกา มาสร้างสถานกงสุลที่จังหวัดเชียงใหม่ ใช้หัวแม่เท้าคิด ก็ทราบว่าเกี่ยวข้องกับสงคราม”
นายจตุพร กล่าวต่อว่า วันนี้คนไทยกำลังลั้นลาอยู่ ไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิด ทั้งนี้ก่อนลงนาม รัฐบาลไม่มีการทำประชามติ เพื่อถามคนไทยว่าเห็นด้วยหรือไม่ ที่จะไปเข้าร่วมในการก่อสงคราม ซึ่งสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าไทยต้องเข้าร่วมในการปกป้องใต้หวันหากรบกับจีน
ทั้งเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกมาบอกว่า ข้าพเจ้าทำโดยพละการ และประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ ว่าใครเป็นคนขายชาติ ว่าใครชักศึกเข้าบ้าน
“วันนี้การต้อนรับรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ก็เป็นเรื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ผมเองในฐานะคนไทย ไม่อาจยอมรับในการต้อนรับรัฐมนตรีกลาโหมคนนี้ได้ เพราะเป็นตัวซวย เข้าประเทศไหนก็ชิบหายประเทศนั้น ดังนั้น การเข้ามาประเทศไทย ถือเป็นการชักสึกเข้าประเทศ และถือเป็นหายนะภัย และมองว่า วันนี้ หวังพึ่งส.ส.ในการทำหน้าที่ไม่ได้ แทนที่ ส.ส.จะนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่กลับไม่มีใครพูดถึง เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ใน ดังนั้น เมื่อหวังฝากอนาคตไว้กับใครไม่ได้ ก็ต้องฝากอนาคตไว้กับคนไทย”นายจตุพร กล่าว
พร้อมระบุว่า เนื่องจากประเทศไทยควรเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ไม่ใช่ควรเป็นประเทศที่ก่อสงคราม และคนไทยไม่สามารถที่จะเข้าไปร่วมฆ่าฟันกับใครได้ เช่น หากสงครามเกิดขึ้นระหว่างจีนกับใต้หวัน หรือ สงครามหากเกิดขึ้นในประเทศพม่า ก็ไม่เกี่ยวกับประเทศไทย
แต่ข้อตกลงของสหรัฐ ศัตรูของอเมริกาคือ ของไทย ศัตรูของไทยคือ อเมริกา ทั้งนี้จึงเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องยกเลิกสัญญาอินโด-แปซิฟิก ที่ลงนามไปตั้งแต่ 17 พ.ย.2563 และฝากไปถึง นายลอย รมว.กลาโหม สหรัฐฯ ว่าลอยมาทางไหน ให้ลอยกลับไปทางนั้น เข้าประเทศไหนชิบหายประเทศนั้น คนไทยไม่สามารถยอมรับรัฐมนตรีกลาโหมที่มาวันนี้ได้ แต่วันนี้จะไม่ต้องการเข้าไปทำลายบรรยากาศในการต้อนรับ และยืนยันที่ทางกลุ่มจะเดินหน้าหยุดยั้งอเมริกา
จากนั้นเวลา 14.50 น. ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้หยุดการปราศรัยชั่วคราว ตามที่ได้ตกลงกับทางกลาโหมไว้ ซึ่งเป็นช่วงที่ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมสหรัฐ เดินทางเข้ากระทรวงกลาโหม
เวลา 15.10 น. ได้กลับมาทำกิจกรรมต่อ โดย นายจตุพร ได้อ่านแถลงการณ์ สื่อสารถึงรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ คือ
1. กลุ่มรับรู้ถึงเกียรติประวัติผลงานอันนำมาซึ่งความภาคภูมิใจของท่าน และประเทศของท่านพอสมควร ขณะเดียวกันเราต้องรับรู้ถึงความโศกเศร้า ความเจ็บปวด การสูญเสียของประชาชน การล้มสลายของหลายประเทศไปพร้อมกันในการปฏิบัติการของท่านและประเทศของท่าน เราจึงมีความกังวลต่อการมาของท่านในครั้งนี้
2. การที่ผู้นำของท่านฉวยโอกาสนำชื่อประเทศไทยของเราไปกล่าวอ้างในโอกาสต่างๆโดยอาศัยบันทึกข้อตกลงยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิค ซึ่งเป็นบันทึกข้อตกลงที่พวกเราไม่ยอมรับนั้น เป็นการสร้างศัตรูให้กับประเทศไทย เป็นอุปสรรคอันสำคัญ ทั้งทำให้เกิดข้อสงสัย ความไม่วางใจ ต่อมิตรประเทศต่างๆ ของประเทศไทย
และ 3. เราทราบดีว่า สหรัฐอเมริกาเป็นมิตรกับประเทศไทย ในลักษณะที่ใช้เราเป็นเครื่องมือเป็นแหล่งกอบโกยทรัพยากร เป็นพื้นที่เพื่อขยายอิทธิพลในแถบเอเชีย เพื่อการติดตั้งขีปนาวุธและไซเบอร์ อันเป็นประโยชน์ฝ่ายเดียวของสหรัฐอเมริกา แต่เราขอบอก อย่างหนักแน่นต่อท่านและสหรัฐอเมริกาว่า ประเทศไทยของเราเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิตประชาชนไทยทั้งปวง และเราพร้อมต่อสู้ศัตรูเสมอเพื่อปกป้องประเทศไทย
ด้าน นายนิติธร กล่าวว่า จากนี้กลุ่มจะเคลื่อนไหวในประเด็นดังกล่าวอย่างเข้มข้น และใช้วิธีการที่หลากหลายโดยเป้าหมายคือที่ สถานทูตสหรัฐอเมริกา และอีกกิจกรรมหนึ่งที่สำคัญ คือ กลุ่มจะเคลื่อนไหวในประเด็นพลังงาน เพื่อทวงคืนพลังงาน ให้กลับมาเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ กลุ่มได้ยื่นเอกสารแถลงการณ์ ผ่านตัวแทนศูนย์รับเรี่องราวร้องทุกข์ กระทรวงกลาโหม เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ก่อนประกาศยุติกิจกรรมในเวลา 14.50 น.