วันที่ 19มิ.ย.65 จากกรณีที่นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาล กล่าวหาพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ซึ่งกำลังลงพื้นที่หาเสียงที่จังหวัดลำปางอยู่นั้น
นางสาวเกศศิริ เรืองกาญจนเศรษฐ์ โฆษกเสรีรวมไทย กล่าวว่า นายธนกร คงเคยชินกับผู้บริหารประเทศที่ไม่มีทั้งข้อมูล ไม่มีทั้งสมองในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ไม่เหมือนพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่พูดจริง ทำจริง คำไหนคำนั้น
นายธนกรฯควรไปสอนนายกฯ8ปี ที่สักแต่หาเรื่องพูดให้ประชาชนเขากร่นด่าไปวันๆให้เตรียมรับฟังอย่างมีเหตุผลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้สักครั้งจะดีกว่า ไม่ใช่เอาแต่พูดเสร็จแล้วลุกหนีไม่ยอมทนรับฟังข้อเสียของตัวเองเลยสักครั้ง ส่วนนายธนกรฯในคราวนี้จะเตรียมถือปี๊บไว้ให้นายกฯด้วยก็ไม่ว่ากัน
นอกจากนี้ โฆษกเสรีรวมไทย กล่าวอีกว่า การที่ประเทศต้องเสียเงินมาเลือกตั้งซ่อมอีกครั้งเป็นสิบล้านบาทที่จังหวัดลำปาง เขต 4 ก็เพราะว่าการเลือกตั้งซ่อมครั้งที่แล้วมีการซื้อสิทธิขายเสียงให้กับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ทำให้ชาวลำปางต้องสละเวลามาเลือกคนสุจริตไปทำงานสภาอีกครั้งในวันที่ 10 ก.ค.นี้
และต้องย้ำว่า หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยไม่จำเป็นต้องคุยโวอะไรตามที่นายธนกรฯกล่าวหา เพราะคะแนนเสียง ทุกครั้งที่พรรคเสรีรวมไทยได้รับไม่ว่าจะมากหรือน้อย ล้วนเป็นความภาคภูมิใจในคะแนนบริสุทธ์ที่พี่น้องประชาชนมอบให้ ไม่ได้ทุจริตซื้อเสียงจากประชาชนเหมือนบางพรรคที่เข้ามาในสภาก็มีแต่มาหาเอาเงินทอนคอรัปชั่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเข้าวันนี้ (19มิ.ย.65) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยระบุว่า ขอให้ชาวบ้านจับตาการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ให้ดี เพราะจะมีการเปิดเผยข้อมูลที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม เองก็คาดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องแบบนี้อยู่ในยุคของท่านว่า
เข้าใจได้ว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคตัวเองหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 4 ลำปาง จึงพยายามคุยโวไว้ก่อนว่ามีข้อมูลอย่างนั้นอย่างนี้ เพื่อหวังจะให้ชาวลำปางเลือกผู้สมัครของพรรคตัวเอง หลังจากที่พ่ายแพ้ย่อยยับมาแล้วไม่รู้กี่สนาม อย่างไรก็ตาม
หาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มีข้อมูลเด็ดจริงก็ขอให้นำมาอภิปรายในสภาฯ หากพบว่ามีข้อเท็จจริงหรือหลักฐานที่เชื่อถือได้ รัฐบาลก็พร้อมนำไปตรวจสอบและขยายผลต่อไปอยู่แล้ว กลัวอย่างเดียวว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์อย่าอภิปรายแต่เรื่องเดิมๆ ที่สภาฯ ไม่อนุญาต แต่ก็ยังจะดันทุรังพูดจนถูกปิดไมค์หรือเชิญออกจากห้องประชุมสภาฯ แล้วก็มาอ้างที่หลังว่าเสียดายข้อมูลเด็ดที่ไม่ได้อภิปราย ทั้งๆ ที่ทำตัวเองแท้ๆ เพราะจะถูกมองว่าไม่มีข้อมูลเด็ดจริงจึงต้องหาวิธีเอาตัวรอดได้