ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(23 มิ.ย.65) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ช่วงกระทู้ถามสด พรรคฝ่ายค้าน ได้ตั้งกระทู้ถามรัฐบาลต่อวิกฤติพลังงานและการแก้ปัญหาของรัฐบาล
นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ตั้งคำถามถึงการแก้ปัญหาวิกฤติพลังงานน้ำมันแพง พร้อมเสนอแนะให้ บริษัท ปตท. ที่ได้กำไรจากการใช้น้ำมันของประชาชน ควรนำกำไรตัดกลับมาลดค่าน้ำมัน เพื่อช่วยประชาชนในภาวะวิกฤติ รวมถึงรัฐบาลควรใช้วิธีทางการทูต เพื่อเจรจากับประเทศที่มีบ่อน้ำมัน เพื่อแก้ปัญหาดีกว่าแนะนำให้ประชาชนไปใช้เตาอั้งโล่
นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ลุกขึ้นชี้แจงว่า รัฐบาลพยายามคุมราคาน้ำมัน ทราบว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม พบว่าราคาน้ำมันดีเซล อยู่ที่ 46 บาทต่อลิตร ขณะที่ประเทศไทยอยู่ที่กว่า 30 บาทต่อลิตร
ดังนั้น การรักษาและตรึงราคาให้นานที่สุด ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 ถึง ถึง มิถุนายน 2565 แต่ละวันเงินกองทุนออกไปเฉพาะดีเซล เดือนละ 2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ต้องรักษาความสามารถการแข่งขัน เพราะแนวทางที่ดำเนินการนั้น ในส่วนน้ำมันดีเซล สถาบันการเงินมั่นใจว่า ดูแลคนตัวเล็ก ประคองกลุ่มเปราะบาง และสร้างการเจริญเติบโตของเศรฐกิจได้
“เราต้องการรักษาเสถียรภาพการเงินการคลัง เพราะไม่สามารถดันจนราคาถูก เหมือนประชาชนไม่เดือดร้อนได้ เพราะจะกระทบเสถียรภาพการเงินการคลัง หากทำให้อ่อนแอ ไม่มีความเข้มแข็ง เพราะเป็นสินค้านำเข้า 90%”
นายสุพัฒนพงษ์ ชี้แจงต่อไปว่า แม้ว่าบริษัท ปตท. กำไรเยอะ และรัฐบาลถือหุ้น 62% ไม่ใช่กระทรวงพลังงานถือหุ้น แต่คือ กระทรวงการคลัง เงินกำไร หรือเงินปันผลทุกปีที่ดูเหมือนเยอะ จากสถิติจะกันเงิน 50-60% เป็นเงินปันผลเข้าสู่กระทรวงการคลัง ถือเป็นรายได้แผ่นดิน ส่วนที่เหลือ 10% ใช้สำหรับบำรุงรักษาเครื่องจักร เครื่องยนต์ ขยายกิจการเพื่อสร้างเสถียรภาพความมั่นคงพลังงาน
รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน กล่าวด้วยว่า หากจะให้ชะลอการลงทุน เพราะประชาชนเดือดร้อน สามารถพูดคุยกันได้ ซึ่งผู้ถือหุ้นพิจารณากันทุกปีในการจ่ายเงินปันผลของ ปตท. ขณะที่ความช่วยเหลือจาก ปตท. ตามที่ร้องขอไม่เคยขัดข้องเช่น ลดค่าการตลาดน้ำมันดีเซล 1.40 บาทต่อลิตร
“ผมขอให้ส.ส.ช่วยเผยแพร่ข้อมูลไปยังประชาชน เพื่อประหยัดพลังงาน เช่น ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ เตาอั้งโล่ ที่ขยายผลในมุมคนเมือง กระทรวงพลังงานเห็นความสำคัญที่ใช้เตาถ่าน เพื่ออนุรักษ์และประหยัดพลังงาน ไม่ใช่การทดแทนใช้แก๊ซหุงต้มที่ขาดแคลน” นายสุพัฒนพงษ์ ระบุ