การประกาศเข้าร่วมกับฝ่ายค้านเต็มตัว ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะความเคลื่อนไหวของผู้กองธรรมนัส ส่งสัญญาณชัดเจนมาอย่างต่อเนื่องที่จะไม่สังฆกรรมกับพรรคพลังประชารัฐ หลังพ้นเก้าอี้รมช.เกษตรฯ
ตอกย้ำกับความพ่ายแพ้สมรภูมิเลือกตั้งซ่อม เขต 4 จังหวัดลำปาง บทบาทการเมืองพรรคฯที่ไม่ชัดเจน ถูกหยิบมาเป็นเงื่อนไข ของการพลิกขั้วการเมืองในครั้งนี้
ชนวนพ่ายเลือกตั้งลำปาง
ภายหลัง นายวัฒนา สิทธิวัง ผู้สมัครส.ส.จากพรรคเศรษฐกิจไทย (ศก.) แพ้เลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 4 จังหวัดลำปาง ให้ นายเดชทวี ศรีวิชัย จากพรรคเสรีรวมไทย ด้วยคะแนน 55,638 ต่อ 30,451 ปรากฏความเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงจากพรรคเศรษฐกิจไทย
ถัดจากวันประกาศผลเลือกตั้ง นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ และนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย ลาออกตำแหน่งกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร หรือ วิปรัฐบาล
นายไผ่ ลิกค์ กล่าวถึงสาเหตุตัดสินใจยื่นใบลาออกจากวิปรัฐบาล เนื่องจากการลงพื้นที่พบปะประชาชนและหาเสียงในหลายแห่ง ประชาชนอยากให้พรรคเศรษฐกิจไทยแสดงจุดยืนที่ชัดเจน เพราะยังสับสนว่าพรรคอยู่ฝ่ายใดระหว่างฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน
พร้อมยอมรับว่าจากผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส เขต 4 จังหวัดลำปาง ที่พรรคเศรษฐกิจไทยแพ้ให้กับผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคเสรีรวมไทย สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนไม่เห็นด้วยกับการที่สนับสนุนรัฐบาลแล้ว รวมถึงยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่เปิดเผยไม่ได้
ขณะที่นายบุญสิงห์ วรินทรักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะนายทะเบียนพรรคเศรษฐกิจไทย กล่าวว่าแนวทางหาเสียงแบบสร้างสรรค์ ที่นำเสนอผลงานและสิ่งที่พรรคจะขับเคลื่อนทำเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองและประชาชนในอนาคต โดยไม่ได้พูดถึงคู่แข่งในทางเสียหาย ในขณะที่คู่แข่งโจมตีตลอด
ส่วนหนึ่งคือความไม่ชัดเจนในบทบาทการทำงานของพรรคว่าจะสนับสนุนฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านที่ผ่านมาพรรคศท.ประกาศตัวว่าจะทำงานโดยยึดประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก พร้อมจะค้านหากเห็นอะไรที่ไม่ถูกต้อง บางเรื่องเห็นด้วยกับรัฐบาล บางเรื่องไม่เห็นด้วยก็ค้าน แต่ไม่ใช่ค้านทุกเรื่อง ตรงนี้อาจทำให้ประชาชนสับสนและมองว่าการทำงานของพรรคยังไม่ชัดเจน
จุดยืนทางการเมืองไม่ชัด
คำกล่าวอ้างของสองแกนนำพรรคเศรษฐกิจไทย สอดคล้องกับคำ สารภาพจากปาก ร.อ.ธรรมนัส ที่ระบุชัดเจนว่า
การถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล เป็นเพราะผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.จังหวัดลำปาง ที่ประชาชนสะท้อนและให้บทเรียน แสดงถึงความนิยมของรัฐบาลตกต่ำลงและยังบอกให้ตนรู้ว่าอย่าเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป แม้จะ ทำงานให้กับประชาชน ได้พื้นที่มาโดยตลอดก็ตาม
ผู้กองธรรมนัส ยอมรับว่า แม้จะรู้ตัวเองดีว่าในการเลือกตั้งซ่อม จ.ลำปางเกิดอะไรขึ้น แต่ผลที่ออกมาไม่คาดคิดว่าจะออกมาอย่างนี้ ทำให้ต้องมานั่งทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น และเมื่อย้อนไปดูปัจจัยเมื่อปี 2562 ฐานคะแนนอยู่ที่ 30,368 คะแนน แต่โดยภาพรวมคะแนนของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ใน จ.ลำปางจะได้กว่า 140,000 คะแนน ทำให้รู้ว่าฐานเรามีเท่านี้ มันขายไม่ได้
แต่เมื่อการเลือกตั้งซ่อมปี 2563 มีปัจจัยหลายอย่าง ผลงานของรัฐบาล โดยเฉพาะจัดสรรที่ดินทำกิน การแก้ปัญหาเรื่องน้ำ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากผลงานของรัฐบาล จึงได้ประมาณ 61,914 คะแนน ขณะที่พรรคเสรีรวมไทยได้ 38,336 คะแนน แต่การเลือกตั้งครั้งนี้คะแนนมันสวิงกลับ
"ผลการเลือกตั้งซ่อม จ.ลำปาง เราเหมือนพรรคอยู่ตรงกันของเขาควายสองข้าง มันไม่ชัดเจน ฝ่ายรัฐบาลเขาไม่ได้สนับสนุนเรา เราไม่ได้ประโยชน์อะไรจากฝ่ายรัฐบาล
อีกทั้งยังถูกกระทำหลายเรื่อง ผมไม่อยากพูดตรงนี้ อีกข้างของเขาควายเขาก็ไม่ได้สนับสนุนเรา ดังนั้นไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะมานั่งตรงกลางของเขาควาย ”
“จุดยืนที่ไม่แน่นอนของพรรคเศรษฐกิจไทย ทำให้เราพ่ายแพ้ในครั้งนี้” เป็นบทสรุปจากปากผู้กองธรรมนัส
หลังจากนี้ต้องจับตา อนาคต "ผู้กองธรรมนัส"และพรรคเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะบทบาทฝ่ายค้านในศึกซักฟอก 11 รมต.ยังยึดคำมั่นเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนจริงหรือไม่!!