เครือข่ายนักวิชาการ "เสียงประชาชน" จาก 8 มหาวิทยาลัย ได้ร่วมกับสื่อทีวีดิจิทัลและออนไลน์ 8 สื่อ จัดให้มีการโหวตเสียงประชาชน ครั้งที่ 2 เรื่อง "8 ปีนายกฯ" ทางโทรศัพท์มือถือ ระหว่างวันที่ 20-21 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยมีกติกาคือ โทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่อง หรือหนึ่งเลขหมาย โหวตได้หนึ่งครั้ง
ล่าสุด การโหวต “เสียงประชาชน” เรื่อง "8 ปีนายกฯ" ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว โดยผลโหวตมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
คำถาม “การวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 หรือไม่ เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ในฐานะประชาชน ท่านเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปีหรือไม่?”
ผลการโหวต “เสียงประชาชน” คือ
สำหรับการโหวต “เสียงประชาชน” นี้ไม่มีผลใด ๆ ในทางกฎหมาย และไม่สามารถสรุปได้ว่า ประชาชนทั้งประเทศ 93.17% เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ “ไม่ควร” เป็นนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปี เพราะนี่คือผลการโหวตของประชาชนที่มาโหวตจากโทรศัพท์มือถือจำนวน 374,063 หมายเลขเท่านั้น
แต่สามารถสรุปได้ว่า จากการเปิดให้ประชาชนโหวต โดยฝ่ายที่เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ควรเป็นนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปี และฝ่ายที่เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรเป็นนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปี มีโอกาสในการโหวตอย่างเสมอกัน ผลการโหวตคือ 93.17% เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ “ไม่ควร” เป็นนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปี
ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นนายกรัฐมนตรี ได้เกินกว่าวันที่ 24 สิงหาคม 2565 หรือไม่? เป็นอำนาจวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เจตนารมณ์ของการโหวต “เสียงประชาชน” คือการเปิดให้ประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยได้แสดงออกซึ่งความคิดเห็น โดยใช้โทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีความสะดวก อยู่ที่ใดก็โหวตได้ไม่ต้องเดินทาง และไม่มีค่าใช้จ่ายที่เป็นภาระ
แม้ว่าการโหวต “เสียงประชาชน” ครั้งที่สอง จะมีผู้โหวตน้อยกว่าครั้งแรกเนื่องจากคำถามมีความซับซ้อนกว่า ทั้งยังดำเนินการในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่จำนวนการโหวต 374,063 ครั้งถือว่าเป็นจำนวนการเข้าร่วมทางออนไลน์ที่มากที่สุดอีกครั้ง จะเป็นรองก็เพียงการโหวต “เสียงประชาชน” ครั้งแรกที่มีผู้โหวต 524,086 โหวต เท่านั้น
เครือข่ายนักวิชาการเสียงประชาชน และทีวีดิจิตอลและสื่อออนไลน์ที่ร่วมโครงการ ขอขอบพระคุณประชาชนทุกท่านที่มาร่วมโหวต และขอบคุณสื่อต่าง ๆ อื่น ๆ ทั้งหมดที่ช่วยประชาสัมพันธ์ ซึ่งทำให้ “เสียงประชาชน” ได้ดังขึ้นมาในประเทศไทยของเรา เพื่อจะนำไปสู่การฟัง “เสียงประชาชน” ให้มากขึ้น และพัฒนาไปสู่การมี “ประชาธิปไตยโดยตรง” ให้มากขึ้นต่อไปในอนาคต