วันที่ 26 สิงหาคม 2565 ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวถึง มาตรการลดค่าไฟที่ใช้ไม่เกิน 300 - 500 หน่วยต่อเดือนของรัฐบาลว่า คนชั้นกลางผู้ที่เสียภาษีไม่ได้รับการช่วยเหลืออะไรเลย เพราะแค่ที่บ้านมีแอร์ก็ใช้ไฟเกินแล้ว คนกลุ่มนี้ต้องแบกรับค่า FT เต็มๆ
“ค่า FT ต้นปีอยู่ที่ 1.39 สตางค์/หน่วย กลางปีอยู่ที่ 24.77 สตางค์/หน่วย โดยกันยา นี้ จะสูงถึง 93.43 สตางค์/หน่วย มากว่าต้นปีถึง 67 เท่า บ้านหลังที่ใช้ไฟเกิน 500 หน่วย จะไม่ได้รับส่วนลดจากรัฐ ต้องแบกค่า FT เต็มๆ เอาง่ายๆ ว่าบ้านไหนต้องใช้แอร์ ก็ใช้ไฟเกินแล้ว คนชั้นกลางไม่ได้ประโยชน์ใดๆ จากมาตรการ รัฐต้องมีมาตรการเพิ่มเติมออกมา” ดร.อรรถวิชช์ กล่าว
เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวด้วยว่า การแก้ไขวิกฤตพลังงานอย่างยั่งยืน ต้องเก็บกำไรที่ธุรกิจพลังงานได้มามหาศาลจากการผันผวนของราคาเพราะสภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน เราเก็บเป็นภาษีลาภลอยได้ ก็สามารถนำมาอุดหนุนราคาพลังงานในช่วงที่ราคาดีดสูงขึ้น
ดร.อรรถวิชช์ ยังกล่าวอีกว่า แปลกแต่จริงว่า ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย มีมากเพื่อส่งออกได้ แต่คนไทยกลับต้องนำเข้าก๊าซเหลวแพงเพื่อมาผลิตไฟฟ้า รัฐไม่กล้าบริหารความผันผวนของราคาพลังงาน ที่ต้องกระทบบริษัทใหญ่ แต่ให้ประชาชนแบกรับภาระ
ถ้ารัฐมนตรีไม่กล้าบริหาร ก็ไม่น่าจะทนอยู่ในตำแหน่ง เราจะบริหารวิกฤตด้วยวิธีปกติไม่ได้ คนจะเดือดร้อนกันหมด มาตรการช่วยเหลือที่ออกมา ไม่ใช่จะช่วยแค่คนจน แต่คนชั้นกลางที่ทำมาหากินสุจริตแล้วเสียภาษีต้องช่วยเขาด้วย ค่า FT ไฟฟ้า มันกระโดดขึ้นจากต้นปีตั้ง 67 เท่า โปรดทบทวนมาตรการด้วยครับ