วันนี้ (31 ต.ค.65) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กต. สธ. กทม. ฯลฯ เข้าร่วมประชุมพิจารณาแผนการปฏิบัติใน "การจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ปี พ.ศ.2565" โดยละเอียด ตรวจสอบทุกๆ การปฏิบัติ เพื่อให้การรักษาความปลอดภัยและการจราจรและพิธีการเข้าเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับ การจัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคฯ เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจรฯ โดยมี พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มอบหมายให้ ตร. เป็นหลักในการขับเคลื่อน
โดยในวันนี้ ตร. ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือในด้านมาตรการการรักษาความปลอดภัยเส้นทางและสถานที่ต่างๆ ตามข้อห่วงใยของ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร ฯ รวมถึงการข่าวที่จะมีผลกระทบต่อการจัดการประชุม การเตรียมแผนการปฏิบัติหลัก แผนรอง แผนฉุกเฉินหรือแผนเผชิญเหตุ
ก่อนหน้านั้น ครม.อนุมัติให้วันที่ 16-18 พ.ย.65 เป็นวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ เฉพาะพื้นที่ กทม. นนทบุรี และ สมุทรปราการ และคาดว่าจะมีประกาศเพิ่มเติมให้ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา เป็นวันหยุดด้วย
ส่วนในวันนี้ ที่ประชุมของ ตร. ได้มีมติให้ปิดการจราจรถนนรัชดาภิเษก บริเวณหน้าศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และจะมีการ "ปิดใช้บริการสถานี MRT ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์" ในวันที่ 16-19 พ.ย.65 โดยจะมีการจัดรถบัส รับ-ส่ง (shuttle bus) จำนวน 6 คัน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่อาศัยหรือทำงานอยู่บริเวณใกล้เคียง ทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยอย่างสูงสุดสำหรับสถานที่จัดการประชุม จึงอยากประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชน
ส่วนกำหนดการซักซ้อมการปฏิบัติรูปขบวนรถและเส้นทางการเดินทาง ตลอดจนแผนเผชิญเหตุต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในห้วงวันที่ 6-12 พ.ย.65 จะได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบในภายหลัง
ทั้งนี้ ได้กำชับการปฏิบัติของหน่วยงาน ตร. และหน่วยงานต่างๆ ให้ตรวจสอบให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซักซ้อมการปฏิบัติแผนที่รับผิดชอบและแผนการปฏิบัติภาพรวมทุกแผน พิจารณาปรับปรุงแผน และการปฏิบัติให้ครอบคลุมทุกสถานการณ์ ทุกพื้นที่
ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า รัฐบาล และ ตร. ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนในการแจ้งเบาะแส ข้อมูลหรือสิ่งผิดปกติให้กับ ตร. ได้ตลอดเวลา ที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ทั้งนี้ หากการแจ้งเบาะแส ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนสอบสวนและนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา โดยจะพิจารณามอบรางวัลนำจับให้กับผู้แจ้งเบาะแส หรือ ในการให้ข้อมูลตามแต่ละกรณี