ไม่ใช่ปรากฎการณ์ธรรดาแน่นอน เมื่อ 3 หน่วยงานปราบปรามการทุจริต ผนึกกำลังบุกจับกุม "รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา" อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขณะกำลังรับเงินจากทางเจ้าหน้าที่ผู้นำเงินมามอบให้ถึงห้องทำงาน
ปฎิบัติการของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2565 ได้มีผู้ร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการ ตรวจสอบพฤติกรรมของ นายรัชฎา ที่มีพฤติกรรม เรียกรับเงินจากเจ้าหน้าที่ในสังกัด โดยจะเรียกรับเงินจากหัวหน้าหน่วย เเละทำการรักษาตำเเหน่งหัวหน้าไว้ให้
หากไม่นำเงินมามอบให้ จะถูกโยกย้ายออกจากตำเเหน่ง ซึ่งจะเรียกรับรายละประมาณ 500,000 - 1,000,000 บาท อีกทั้งยังต้องนำเงินสดมามอบให้เป็นรายเดือน
หลังเปิดปฎิบัติการเข้าจับกุมนายรัชฎา ทั้ง 3 หน่วยงานตั้งโต๊ะแถลงข่าว ประกอบด้วย นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. พล.ต.ท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ท วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.)
โดยระบุว่า สืบเนื่องจากสำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับแจ้งเบาะแส กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูง สังกัด กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เรียกรับเงินจากผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อแลกกับการไม่ถูกโยกย้ายตำแหน่ง โดยมีพฤติการณ์ กล่าวคือ อธิบดีกรมอุทยานฯได้เรียกเก็บเงินจากหัวหน้าหน่วยงานภาคสนามทั่วประเทศ
หากหัวหน้าหน่วยงานต่างๆ ที่ถูกเรียกเก็บไม่สามารถนำเงินมาจ่ายให้แก่อธิบดีกรมอุทยานฯ ก็จะถูกโยกย้ายออกจากตำแหน่งเดิม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ในพื้นที่ที่ห่างไกลจากภูมิลำเนา จึงทำให้มีการวิ่งเต้นกับอธิบดีกรมอุทยานฯ เพื่อไม่ให้ตนเองถูกโยกย้ายรายละประมาณ 200,000 -300,000 บาท
นอกจากนี้ อธิบดีกรมอุทยานฯยังได้เรียกเก็บเงินจากผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นรายเดือน เพิ่มเติมจากที่เรียกเก็บในอัตราดังกล่าวอีกด้วย
“ถ้าใครอยากอยู่ตำแหน่งเดิมให้นำทรัพย์สิน หรือเงินคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ แต่ละหน่วยมีงบประมาณและอัตรากำลังแตกต่างกัน ทั้งอยากอยู่ตำแหน่งเดิม และโยกย้ายไปตำแหน่งที่ดีขึ้น ความจริงไม่ใช่นกต่อ แต่เป็นผู้เสียหายที่เขาพบและเป็น ข้าราชการด้วย และเขาได้รับผลกระทบ เขาเข้ามากล่าวหาร้องทุกข์ จึงได้เข้าไปดำเนินการ
ซึ่งผลการดำเนินการได้มีการขยายผลในการตรวจค้น เจอเงินสดอีกเกือบ 5 ล้านบาท ซึ่งเงินสดต่างๆที่มีการเก็บไว้ปรากฏบัญชีรายชื่อของบุคคลต่างๆด้วย เราจะมีการขยายผลต่อด้วย” เลขาธิการ ป.ป.ช.ระบุ
ย้อนรอยปฎิบัติการ ล่อซื้อเงินใต้โต๊ 9.8 หมื่น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2565 เจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก. ปปป. ได้ดำเนินการวางแผนเข้าจับกุมอธิบดีกรมอุทยานฯ
โดยนัดหมายส่งมอบเงิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บหลักฐานไว้แล้วจำนวน 98,000 บาท ให้แก่อธิบดีกรมอุทยานฯ ในวันที่ 27 ธันวาคม เวลา 09.00 น. ณ ห้องทำงานของอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช
ต่อมาวันที่ 27 ธ.ค. เวลาประมาณ 09.10 น. เป็นเวลานัดหมาย เจ้าหน้าที่ สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก. ปปป. ได้นำเงินสดจำนวน 98,000 บาท ที่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้วไปส่งมอบให้กับผู้เสียหาย เพื่อนำไปมอบให้แก่อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช
โดยมีเจ้าหน้าที่ของทั้งสองหน่วยงานวางกำลัง เฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณโดยรอบ และเมื่อได้มีการส่งมอบเงินแก่อธิบดีกรมอุทยานฯ แล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปยังห้องทำงานของอธิบดีกรมอุทยานฯ ซึ่งเป็นจุดส่งมอบเงินในทันที
พร้อมแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เข้าทำการจับกุมผู้ต้องหา โดยได้ตรวจค้นพบว่ามีเงินสดจำนวน 98,000 บาท วางอยู่บนโต๊ะทำงานของอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช
นอกจากนี้ ยังพบของกลาง เป็นเงินสดอีกจำนวนเกือบ 5 ล้านบาท อยู่ในบริเวณห้องดังกล่าว สอบถามแล้ว อธิบดีกรมอุทยานฯอ้างว่าตนไม่ทราบเรื่องที่มีการเรียกรับเงินจากผู้ใต้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบ เงินสดจำนวน 98,000 บาท ดังกล่าวต่อหน้าผู้ต้องหา พบว่า หมายเลขธนบัตรตรงกับหมายเลขธนบัตรที่ลงบันทึกประจำวันไว้ทุกฉบับ
จึงได้แจ้งพฤติการณ์และข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบ ว่าเป็นความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ
เบื้องต้นในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยพนักงานสอบสวน บก.ปปป. จะได้สอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำส่งสำนวนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาตามกฎหมายต่อไป
ล่าสุด วันนี้ (28 ธ.ค.65 ) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ลงนามให้เอาตัวมาอธิบดีกรมอุทยานฯช่วยราชการที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับคดี และให้เจ้าหน้าที่สืบสวนได้สะดวก เรียบร้อย ไม่มีข้อครหา คำสั่งมีผลตั้งแต่วันนี้