นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบ นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในคดีเรียกรับผลประโยชน์ และเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยทุจริต ว่า
คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงที่ทางทส.ได้ตั้งขึ้นได้ข้อสรุป โดยในเบื้องต้นได้เสนอให้ย้ายตัวอธิบดีกรมอุทยานฯเข้ามายังส่วนกลาง แต่เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลา โหม ได้มีคำสั่งดึงตัวให้ไปที่สำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้คำสั่งของกระทรวงไม่จำเป็นต้องออก
นอกจากนี้ คณะกรรมการยังมีความเห็นให้สอบผอ.สำนักทุกสำนักเพื่อความชัดเจนในสิ่งที่เกิดขึ้น และหลังจากนี้จะมีการดำเนินการของคณะกรรมการต่อเนื่องให้มีการสอบสวนผอ.ทุกสำนัก ไม่ใช่เพียงแต่รายชื่อที่ปรากฏอยู่บนซองตามที่เป็นข่าว
นายวราวุธ กล่าวว่า ตนได้มีการให้แนวทางให้ดำเนินการสอบสวนโดยเร็วที่สุด แต่ทั้งนี้ ความเร็วจะต้องควบคู่ไปกับความรอบคอบ และครอบคลุมในทุกที่ เนื่องจากเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายจับตามอง ฉะนั้นต้องทำงานอย่างรอบคอบและรับฟังความคิดเห็นจากข้าราชการที่ได้รับผลกระทบด้วย ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญ
ขณะที่การตรวจสอบย้อนหลังต้องดูตามระเบียบราชการหากตรวจสอบย้อนหลังแล้วจะต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับภารกิจที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งต้องขอความชัดเจนจากนายจตุพร บุรุษพัฒน์ปลัดกระทรวง ทส. เนื่องจากการบริหารราชการแผ่นดิน และบริหารราชการกระทรวง จะมีระเบียบและกฎหมายควบคุมเอาไว้อย่างชัดเจน จึงต้องหารือร่วมกับฝ่ายข้าราชการประจำถึงแนวทางในการดำเนินการ
เมื่อถามว่า บทลงโทษจะเป็นอย่างไรนายวราวุธ กล่าวว่า คำตัดสินหรือข้อเท็จจริงที่ทำคณะกรรมการได้ค้นพบมา จะมีกติกา โดยจะมีคณะกรรมการสามัญประจำกระทรวงหรือ อ.ก.พ. เป็นผู้ตัดสินแนวทางทั้งไล่ออก ปลดออก พักราชการ ซึ่งจะมีมาตรการในการดำเนินการที่แตกต่างกันออกไป
ที่ผ่านมาการทำงานของกระทรวง จะมีหน่วยงานอย่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณา ตนคิดว่าอย่างกรณีนี้นอกจากข้าราชการในกระทรวงแล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา ป.ป.ช.มายังกระทรวงและกระทรวงจะดำเนินการตามแนวทาง เนื่องจากมีตัวบทกฎหมายชัดเจนว่า ป.ป.ช.เสนอมาอย่างไรกระทรวงจะต้องดำเนินการภายใน 30 วัน
เมื่อถามว่า ระยะเวลาที่เหลืออยู่จะสามารถกู้คืนภาพลักษณ์ของกระทรวงได้อย่างไร นายวราวุธกล่าวว่า ด้วยปริมาณ เพื่อนข้าราชการที่เรามีอยู่ในกระทรวงหลายหมื่นชีวิตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่การทำงานของกระทรวงที่ผ่านมา ข้าราชการทุ่มเทอย่างเต็มที่ทั้งกำลังกายกำลัง ทำงานกันอาบเหงื่อต่างน้ำ ทำให้กระทรวงสามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ได้ทุกหย่อมหญ้าไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใด
การทำงานจากนี้ไปคงจะต้องเป็นกำลังใจให้กับข้าราชการทุกคนในการยึดมั่นทำตามแนวนโยบาย ทั้งของรัฐบาล หรือของตนเอง ที่มีการกำชับในทุกการประชุมว่าต้องดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนภายใต้การเดินหน่วยงานที่โปร่งใสและตรงไปตรงมา อะไรผิดก็ต้องว่าไปตามผิด อะไรที่ว่าถูกก็ดำเนินการกันต่อไป แต่ยืนยันว่าไม่มีนโยบายที่จะช่วยคนผิดเด็ดขาด
ส่วนแนวทางดำเนินการในเรื่องการทุจริตงบประมาณจะเป็นอย่างไรนายวราวุธกล่าวว่า ต้องดูถึงความเกี่ยวโยงกับเนื้องานที่เกี่ยวเกิดขึ้น ซึ่งต้องไปศึกษาจากระเบียบบริหารราชการแผ่นดินก่อนว่าตามเงื่อนไขแล้วที่ผ่านมาการทำงานของกระทรวง ตัวรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งการลงไปถึงระดับปลัดกระทรวงและอธิบดี
แต่การบริหารภายในกลุ่มหรือแต่ละหน่วยงานจะอยู่ในอำนาจของอธิบดีและปลัดกระทรวง หากรัฐมนตรีลงไปดูถึงการแต่งตั้งโยกย้าย สำนักหรือหัวหน้าอุทยานฯจะเข้าข่ายทำงานเกินขอบข่ายหน้าที่ ตามมาตรา 157 ทั้งนี้ ตั้งแต่เข้ามาทำงาน 3 ปีกว่า เราทำตามระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน โดยจะสั่งการผ่านปลัดกระทรวงไปยังอธิบดี เพื่อให้การบริหารงานในแต่ละกรม เป็นไปตามระเบียบที่วางไว้
เมื่อถามถึงเสียงวิพากษฺวิจารณ์ของสังคมที่มีการดำเนินการเพียงแต่ผู้รับกลับไม่มีการดำเนินการกับผู้ให้ นายวราวุธ กล่าวว่า อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ต้องหารือกับผอ.แต่ละสำนัก ว่าเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น จึงมีรายชื่อของผอ.แต่ละสำนักปรากฏอยู่บนซอง ซึ่งเพื่อความโปร่งใสได้มีการสั่งให้สอบสวนและไต่สวน ผอ.ทุกสำนัก ไม่ใช่เฉพาะที่ปรากฏรายชื่อบนซองเท่านั้น
การทำงานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ยึดแนวทางทำงานที่โปร่งใส และเป็นธรรมกับทุกฝ่ายจะสังเกตได้จากเนื้องานของทส. ที่ผ่านมา เป็นผลงานที่เป็นประโยชน์กับประชาชน หรือแม้แต่เรื่องร้องเรียนไม่ได้รับความเป็นธรรมเข้ามา ทุกเรื่องได้ดำเนินการตามระเบียบที่เกิดขึ้นมีการสอบสวนไต่สวนจนหลายกรณีสามารถคลี่คลายไปได้ ดังนั้นการทำงานยังคงยึดมั่นและให้คำมั่นได้ว่าเป็นการทำงานที่โปร่งใสและยึดถือเอาการแก้ไขปัญหาของประชาชนเป็นหลักคือภารกิจที่สำคัญที่สุดของทส.
ตนส่งกำลังใจให้กับข้าราชการทุกคนว่าหากรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม รู้สึกว่าเกิดความผิดปกติเกิดขึ้น ก็สามารถร้องเรียนเข้ามาได้ผ่านศูนย์ร้องเรียนของกระทรวง และทุกเรื่องที่ได้ร้องเรียนเข้ามาจะได้รับการพิจารณาด้วยความละเอียดอ่อน และจะปิดอยู่ในชั้นความลับ เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือน