วันนี้(24 ม.ค.66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมต่อการเลือกตั้ง 2566 ว่า หลังพรรคเปิดตัวนโยบายเศรษฐกิจในภาพรวมแล้ว จากนี้จะไปเปิดตัวนโยบายในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นนโยบายเฉพาะพื้นที่จ.นครราชสีมา และพื้นที่ภาคอีสาน ในวันที่ 14 ก.พ.นี้
สำหรับการวางเป้า ส.ส.ในพื้นที่จ.นครราชสีมานั้น เบื้องต้นพรรคจะส่งให้ครบ 16 เขต ส่วนจะได้ส.ส.เท่าไรขึ้นอยู่กับการเลือกของประชาชน แต่มั่นใจว่า พรรคชาติพัฒนากล้าจะคัมแบค และได้ส.ส. มากกว่าเดิมแน่นอน เพราะประเมินว่า การแข่งขันเลือกตั้งในพื้นที่ จ.นครราชสีมา จะมีการแข่งขันกันทางการเมืองสูง
ส่วนยุทธศาสตร์ของพรรคหลังเลือกตั้งต่อการจับขั้วทางการเมือง นายสุวัจน์ กล่าวว่า การเมืองมี 2 อย่างคือ ฝ่ายค้านและรัฐบาล หากเป็นรัฐบาลก็ดีเพื่อนำนโยบายที่นำเสนอไปปฏิบัติ ขณะที่ฝ่ายค้าน คือ ฝ่ายตรวจสอบ ซึ่งแล้วแต่ผลของการเลือกตั้ง โดยพรรคไปได้ทั้ง 2 กรณี
เมื่อถามว่าแสดงว่าสามารถจับมือได้ทั้ง 2 ขั้วใช่หรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า ตนไม่เห็นมีขั้วการเมือง พรรคชาติพัฒนาให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาพรรคทำงานการเมืองแบบเป็นมิตรกับทุกฝ่าย ไม่ใช่ทำการเมืองที่เข้าข้างกับฝ่ายใดฝ่ายยหนึ่ง และพยายามประนีประนอมเพื่อสร้างความสมานฉันท์ความร่วมมือทางการเมือง มองว่าหลังการเลือกตั้ง หากไม่สามารถร่วมมือทางการเมืองได้ จะกระทบต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจ
“4 ปี ที่ผ่านมา เสถียรภาพทางการเมืองเป็นปัจจัยที่กระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ปัจจุบันที่เห็นชัดเจน คือ เสถียรภาพการเมืองในสภา ที่ประชุมไม่ได้ ประชุมไม่เท่าไร ไม่ครบองค์ประชุม กฎหมายสำคัญผ่านไม่ได้ ในการเลือกตั้งผมอยากให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญ และความร่วมมือที่จะสร้างเสถียรภาพทางการเมืองใหเกิดขึ้น ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านให้การทำงานเกิดการถ่วง สมดุล สร้างสรรค์ ให้ระบบสภาทำงานได้ และทำให้ระบบสภาทำงานได้ และสร้างความมั่นใจกับนักลงทุน”
ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า เห็นใจประชาชน พรรคจึงนำเสนอนโยบายรื้อเศรษฐกิจ แต่จะทำสำเร็จได้ ต้องมีเสถียรภาพทางการเมือง มีความร่วมมือทางการเมือง พรรคไม่มีขั้วไม่มีฝ่าย และอยากมีความร่วมมือกับทุกพรรคการเมือง ตามบทบาทหน้าที่หลังการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล
ด้านนายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงการคัดเลือกเตรียมผู้สมัคร ส.ส.เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดเลือกโดยพรรคจะเน้นคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ เพราะไม่แน่ใจว่าสภาฯ จะเหลือเวลาอยู่อีกกี่วัน