นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่าวันนี้ได้รับแจ้งจาก นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ว่าในวันนี้เวลา 14.00 น.นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ได้เข้าพบ ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 พนักงานสอบสวน ผู้รับผิดชอบตามที่อัยการสูงสุดมอบหมายสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนตลิ่งชัน
โดยนายอุปกิตแจ้งความประสงค์ขอเข้าต่อสู้คดีกรณีถูกกล่าวหาดำเนินคดี พนักงานสอบสวนได้นำตัวนายอุปกิตไปที่สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด และได้ร่วมกับพนักงานอัยการสำนักงานการสอบสวนได้ดำเนินการ ตาม ป.วิ อาญา มาตรา 134
โดยได้แจ้งให้ นายอุปกิต ทราบถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำที่ถูกกล่าวหาและได้แจ้งข้อหา เป็นสมาชิกวุฒิสภาสมคบกัน ฟอกเงิน และร่วมกัน ฟอกเงิน เป็นสมาชิกวุฒิสภาร่วมกันมีส่วนร่วมใน องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ให้ นายอุปกิตรับทราบข้อหาในชั้นสอบสวน นายอุปกิตให้การปฏิเสธ
ภายหลังการแจ้งข้อหาแล้ว ได้ทำการพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อตรวจสอบประวัติอาชญากร พนักงานสอบสวนเห็นว่าผู้ต้องหาไม่ได้เป็นบุคคลที่ถูกออกหมายเรียก หรือหมายจับแต่อย่างไร จึงได้นัดให้ผู้ต้องหาเข้าพบนัดต่อไปวันที่ 17 เม.ย. เพื่อสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
และต่อมาเมื่อคณะพนักงานอัยการซึ่งเข้าร่วมสอบสวน ได้รายงานให้อัยการสูงสุดทราบ อัยการสูงสุดได้มีบัญชาให้คณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการ เร่งรัดทำการสอบสวนให้ครบถ้วนแล้วเสร็จโดยเร็ว และได้กำชับให้ทำการสอบสวนด้วยความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
สำหรับพ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา 8 ผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภา ท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น ข้าราชการ พนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พนักงาน องค์การหรือหน่วยงานของรัฐ กรรมการหรือผู้บริหารหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้า พนักงาน กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของ สถาบันการเงิน หรือกรรมการขององค์กรต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ กระทำความผิด ตามหมวดนี้ ต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
เเละ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 10 เจ้าพนักงาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิก สภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น ข้าราชการ พนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้า หน้าที่ของรัฐ พนักงานองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ กรรมการหรือผู้บริหารหรือ พนักงานรัฐวิสาหกิจ กรรมการ ผู้จัดการ
หรือบุคคลใดซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการ จัดการของสถาบันการเงิน หรือกรรมการขององค์กรต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ ผู้ใด กระทำความผิดตามหมวดนี้ ต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้
สำหรับ ความผิดนั้น กรรมการ อนุกรรมการ กรรมการธุรกรรม เลขาธิการ รองเลขาธิการ หรือ พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พรบ.นี้ ผู้ใดกระทำความผิดตามหมวดนี้ ต้องระวาง โทษเป็นสามเท่าของโทษที่กำหนดไว้สําหรับความผิดนั้น