จับตา “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ทางใครทางมัน?

26 พ.ค. 2566 | 03:57 น.
อัปเดตล่าสุด :26 พ.ค. 2566 | 04:09 น.

ปัญหาการแย่งชิงตำแหน่ง “ประธานสภาผู้แทนราษฎร” ระหว่าง พรรคก้าวไกล กับ พรรคเพื่อไทย จะนำไปสู่การล่มลงของรัฐบาลก้าวไกล จน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ชวดตำแหน่งนายกฯ คนที่ 30 หรือไม่ น่าจับตายิ่งนัก

ปัญหาการเปิดศึกแย่งชิงตำแหน่ง “ประธานสภาผู้แทนราษฎร” ระหว่าง พรรคก้าวไกล กับ พรรคเพื่อไทย นำมาสู่ความไม่แน่นอนของการตั้ง “รัฐบาลก้าวไกล” ที่ต้องการดัน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ให้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ คนที่ 30 

“ก้าวไกล-เพื่อไทย”เปิดศึก

ความขัดแย้งในตำแหน่ง ประธานสภาฯ เริ่มเห็นรอยปริร้าวระหว่าง 2 พรรค จากการที่ ปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ส่งสัญญาณว่าตำแหน่งประธานสภาฯ ควรเป็นของพรรคก้าวไกล 

ต่อมาสมาชิกพรรคเพื่อไทย(พท.) ออกมาตอบโต้ทันควัน เช่น นายอดิศร เพียงเกษ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ระบุว่า “พรรคก้าวไกล จะกินรวบทุกตำแหน่ง โดยเข้าใจว่าตัวเองเป็นเสียงข้างมาก ความเป็นจริง 152 เสียง (ก่อนกกต.ประกาศใหม่) ยังไม่เกินครึ่ง ถ้าอยากได้ทุกตำแหน่ง ต้องทำให้ได้แบบพรรคไทยรักไทย (ทรท.) 377 เสียง ที่จะชี้เป็นชี้ตายเอาตำแหน่งไหนก็ได้ และต้องดูบุคลากรของทั้งสองพรรค ซึ่งพรรคเพื่อไทยน่าจะมีความเหมาะสมในตำแหน่งประธานสภามากกว่า”

ขณะที่ เพจเฟซบุ๊กพรรคก้าวไกล ก็ได้โพสต์ข้อความสวนกลับว่า พรรคก้าวไกล ต้องได้เก้าอี้ประธานสภา เพื่อไปเปลี่ยนแปลงประเทศ ผลักดัน 3 วาระ ไม่ว่าจะเป็น “กฎหมายที่ก้าวหน้า-แก้ไขรัฐธรรมนูญ-รัฐสภาโปร่งใสประชาชนมีส่วนร่วม”

“ทักษิณ-เศรษฐา”เดือด

ถัดมาวันที่ 25 พ.ค. 2566 ภายหลัง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เจ้าของพรรคเพื่อไทย ได้รีทวีตข้อความของ ดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกและนักออกแบบชื่อดัง ที่ระบุว่า “ต้องทนให้คนที่เรียกตัวเองว่าเพื่อน เอาตีนถีบหน้าอยู่ทุกวันจริงหรือครับ เพื่อนที่โกหก คอยแทงข้างหลังตลอด แต่ต้องช่วยมันเพราะลำพังตัวเองมันไปเองก็ไม่รอด ไม่ช่วยมันกูก็ผิด ช่วยมันกูก็เจ็บ #ความอดทนบางทีแม่งก็มีขีดจำกัด” 

เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ก็ได้ทวีตข้อความในทำนองเดียวกันว่า “เห็นด้วยครับ” โดยรีทวิตข้อความของ Puppies ที่เป็นรูปสุนัขและข้อความว่า “Sometimes dogs are better company than people.”  (บางครั้งสุนัขเป็นเพื่อนที่ดีกว่าคน)

                       จับตา “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ทางใครทางมัน?

พท.เป็นฝ่ายค้านก็ได้

ขณะที่ นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แนะนำพรรคเพื่อไทย ให้ถอยเป็นฝ่ายค้านก็ได้ ความว่า เมื่อวันที่ 24 พ.ค.2566) พรรคเพื่อไทยมีประชุมผู้สมัครทั้งสอบผ่านและสอบไม่ผ่าน ก็เป็นปกติธรรมดา ที่พรรคต้องพูดคุยกัน จุดดีจุดด้อยอย่างไร ก็ไปว่ากันในการทำงาน ซึ่งก็ทำกันมาทุกครั้งหลังเลือกตั้ง

“ผมได้พูดคุยกับผู้บริหารในพรรค ผมออกความเห็นเรื่องตั้งรัฐบาล ผมก็ถามทำไม ?? ต้อง MOU ในเมื่อเราสามารถตกลงแนวทางกันได้ พรรค พท.บอกจนปากฉีก ว่าไม่ตั้งรัฐบาลแข่ง กก.(ก้าวไกล) ตั้งแต่แรก สื่อโซเชียลยังกระหน่ำตลอด ว่าจะตั้งแข่ง  ทำไม..ใครทำ ??

ทำไม..ทาง กก.ถึงรีบประกาศยึดตำแหน่งประธานสภาก่อน ทั้งที่สามารถคุยภายในได้ เหมือนใช้สื่อบีบทุกพรรคให้ทำตาม ทำไมไม่คุยกันว่าทำอย่างไรจะตั้งรัฐบาลได้ ทำอย่างไร ส.ว.จะโหวตให้ แกนหลักอย่างก้าวไกล ควรคุยภายใน ถอยลงมาบ้าง หากพรรค กก.ได้ 250  เสียงขึ้นไป ไม่ถอยก็ได้นี่มี 151 เสียง อย่าคิดว่าจะทำได้ทุกอย่าง ไปทีละอย่างก็ไม่สาย อย่าใจร้อน ให้เกียรติพรรคร่วมทำงานกัน

บีบมากๆ เข้า ผมว่าเพื่อไทยถอยไปเป็นฝ่ายค้านก็ได้นะครับ อย่าคิดว่าเราทำไม่ได้ มันเป็นไปได้หมด เพราะยังไม่ทันตั้งไข่ เพื่อนก็กินรวบแล้ว แบบนี้ไหวมั๊ยละ...นึกถึงใจเขาใจเรา”

ก้าวไกลไม่ถอยปธ.สภา

วันที่ 25 พ.ค.2566 ที่อาคารอนาคตใหม่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงตำแหน่งประธานสภาฯ ว่า พรรคก้าวไกลยืนยันว่าเราจำเป็นต้องมีตำแหน่งประธานสภาฯ ไว้กับพรรคก้าวไกล เพราะนอกเหนือจากการใช้อำนาจฝ่ายบริหาร ยังมีอีก 3 วาระที่พรรคจำเป็นต้องมีประมุขฝ่ายนิติบัญญัติช่วยขับเคลื่อน

วาระหนึ่งคือ การผลักดันร่างกฎหมายทั้ง 45 ฉบับของพรรค เพื่อทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน รวมถึงร่างกฎหมายของพรรคการเมืองอื่นและของภาคประชาชน 

วาระสองคือ การผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยให้เดินหน้าอย่างราบรื่น และ วาระสาม คือการผลักดันให้เกิดรัฐสภาที่โปร่งใสและสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน 

“พรรคก้าวไกลมีบุคลากรหลายคนที่มีความเหมาะสม และเรามีวาระที่ชัดเจนต่อตำแหน่งประธานสภาฯ ไม่ใช่แค่เรื่องการควบคุมการประชุมเท่านั้น แต่รวมถึงการฟื้นฟูความเป็นประชาธิปไตย ดังนั้น หากยึดประเด็นเรื่องความอาวุโสมากเกินไป อาจทำให้ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ยาก” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว

ปัดแทงข้างหลังเพื่อไทย

ส่วนที่มองว่าพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล มีการแทงข้างหลังกัน น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เราซื่อสัตย์ จริงใจต่อกัน ปรากฏการณ์แทงกันข้างหลังไม่มีจากพรรคก้าวไกล อะไรที่เป็นข้อกังวลไม่จริงใจต่อกัน สามารถพูดคุยกันได้ 

“ตอนนี้เราไม่มีความเชื่อใดๆ ว่า พรรคเพื่อไทย จะถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลครั้งนี้ หลังจากได้พูดคุยกันหลายครั้ง เรายังเชื่อมั่นว่า เพื่อไทยจะไม่ถอนตัวจะอยู่ร่วมกับเราต่อไป ไม่ว่าจะมีตำแหน่งประธานสภาหรือไม่ก็ตาม” พร้อมทั้งระบุว่า จำนวน ส.ส.ของพรรคที่เหลือ 151 ที่นั่ง ไม่ได้กระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาลแต่อย่างใด

เพื่อไทยย้ำขอปธ.สภา 

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการพูดคุยตำแหน่งประธานสภาฯ ว่า ในวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา 8 พรรคได้ลงนามเอ็มโอยู พรรคเพื่อไทยได้แจ้งความประสงค์ไปยังแกนนำพรรคก้าวไกลถึงตำแหน่งประธานสภาฯ ขอให้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ซึ่งพรรคก้าวไกลบอกว่าขอเวลาอีก 2-3 วัน เพื่อจะเอาคำตอบมาให้ และขณะนี้ก็รอพรรคก้าวไกลอยู่

ส่วนหลายคนในพรรคก้าวไกลออกมาระบุตำแหน่งประธานสภาฯ ต้องเป็นของพรรคก้าวไกลเท่านั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนว่ากองเชียร์ทั้ง 2 ฝั่งก็ประสงค์ที่จะให้ส.ส.และแกนนำของแต่ละพรรคเป็น และหากมองอดีตที่ผ่านมาปี 2562 ประธานสภาฯ ก็เป็นนายชวน หลีกภัย จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นพรรคลำดับที่ 4 

“ด้วยความที่เสียงใกล้กันมาก โดยเฉพาะส.ส.แบบแบ่งเขต ที่พรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อไทย ได้ 112 เท่ากัน เพราะฉะนั้นอยากให้มีการพูดคุยกันเพื่อหาทางออก และเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยเคยประสานงานไปแล้ว จึงอยากให้บรรยากาศการทำงานเป็นไปได้ด้วยดี เพราะได้ลงนามเอ็มโอยูไปแล้ว ไม่อยากให้บางเรื่องมาเป็นอุปสรรค”

ส่วนที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ออกมายืนยันตำแหน่งประธานสภาฯ ต้องเป็นของพรรคก้าวไกล นายประเสริฐ กล่าวว่า ทั้ง 2 ฝั่งต่างออกมาพูดว่าตำแหน่งต้องเป็นของฝั่งไหน ซึ่งตำแหน่งประธานสภาเป็นตำแหน่งสำคัญ อยากให้คำนึงถึงความเหมาะสม แต่ถ้าพรรคก้าวไกลไม่ยอม พรรคเพื่อไทยก็คงต้องกลับมาหารือกันอีกครั้ง ว่าแกนนำพรรคเพื่อไทย  หรือ กรรมการบริหารพรรคจะว่าอย่างไร 

เมื่อถามว่า 10 เสียงที่ห่างกันไม่มาก พรรคเพื่อไทยถอยให้กับพรรคก้าวไกลพอสมควรหรือยัง นายประเสริฐ ตอบว่า พอสมควร เพราะ 10 เสียงเป็นคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ที่ต่างกันเท่านั้น ซึ่งที่จริงหากพรรคก้าวไกลได้รับการเลือกตั้งส.ส.เกินครึ่งหนึ่ง คือ 250 จะจบปัญหานี้ ไม่เกิดแน่นอน 

“ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่สำคัญ เป็นตำแหน่งศักดิ์ศรีของประเทศ เป็นหมายเลข 1 ของนิติบัญญัติ เพราะฉะนั้นการตั้งประธานสภาต้องใช้ความละเอียดอ่อน และอยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าคุยกัน ทางพรรคก้าวไกลได้นายกฯเบอร์ 1 ไปแล้ว ถ้าเพื่อไทยจะมีโอกาสทำงานตรงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย” นายประเสริฐ ระบุ

ก้าวไกลขาดพท.ไม่ได้

“ก้าวไกลขาดเพื่อไทยไม่ได้” เพราะรัฐบาลที่ร่วมกันจัดตั้ง 312 เสียง หากขาดเพื่อไทย จะเหลือเพียง 171 เสียง ไม่ถึงครึ่งของสภาผู้แทนฯ และไม่สามารถไปหาเสียง ส.ส.จากฝ่ายอนุรักษ์นิยม มาเติมได้อีกแล้ว  

แต่ “เพื่อไทยขาดก้าวไกลได้”  เพราะหากเพื่อไทยพลิกมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นอกจาก 141 เสียงที่มีแล้ว ยังสามารถไปดึง ภูมิใจไทย 71 เสียง พลังประชารัฐ 40 เสียง ประชาธิปัตย์ 25 เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง มาร่วมรัฐบาลเป็น 287 เสียง ก็ยังได้ 

และหากได้ พลังประชารัฐ มาร่วมรัฐบาล โดยที่ ลุงป้อม- พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค หลบฉากไปอยู่เบื้องหลัง ก็ไม่ต้องเหนื่อยมากที่จะได้เสียง ส.ว. มาสนับสนุนคนที่เสนอเป็นนายกฯ

“ก้าวไกล-เพื่อไทย” หากแตกหักกันเกิดขึ้นจริง ก็มีโอกาสที่ เพื่อไทย จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ส่ง ก้าวไกล ไปเป็นฝ่านค้าน 

การเมืองไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ...