ท่ามกลาง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำลังเดินหน้าไต่สวนคำร้องที่มีผู้ร้องให้ตรวจสอบว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้สมัคส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) หรือไม่ จากกรณีถือครองถือหุ้นสื่อไอทีวี
และ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยังขอให้ตรวจสอบด้วยว่า คุณสมบัติของหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะส่งผลต่อการเซ็นรับรองผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคก้าวไกล ด้วยหรือไม่
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2566 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้ออกมาจุดพลุ ประเด็นการเซ็นรับรองผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคก้าวไกล อาจจะนำไปสู่การเลือกตั้งซ่อมทั้งใหม่ทั้งหมด
โดย นายวิษณุ ได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวที่ถามว่าอาจมีการเลือกตั้งใหม่ หาก นายพิธา ถูกศาลวินิจฉัยเรื่องขาดคุณสมบัติ จากกรณีถือครองถือหุ้นสื่อไอทีวี ทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. จะกระทบกับการเป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงการเซ็นรับรองผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคก้าวไกลที่ผ่านมาหรือไม่ ว่า ตนตอบไม่ถูก ซึ่งเรื่องนี้อยู่ที่ผู้ร้องว่าร้องในประเด็นใด
ถ้าร้องในประเด็นว่าขาดจากการเป็น ส.ส. นายพิธา ก็สามารถเป็นนายกฯ ได้ เพราะนายกฯ ไม่ต้องเป็น ส.ส.ก็ได้ หรือ ถ้าร้องว่าขาดจากความเป็นนายกฯ ก็สามารถเป็น ส.ส.ได้
แต่ถ้าคนร้อง ร้องทั้ง 2 เรื่อง ศาลก็จะวินิจฉัยทั้ง 2 เรื่อง หรือ อาจจะกระทบไปอีกประเด็น คือ การเซ็นรับรองสมาชิกพรรค ดังนั้น อยู่ที่คำร้องว่าจะร้องอย่างไร จะร้องทั้ง 3 ประเด็นเลยหรือไม่
แต่อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้น เอาทีละประเด็น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ได้ทําอะไรเลย อย่าเพิ่งคิดในแง่ร้าย
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการร้องในประเด็นเรื่องเซ็นรับรองสมาชิกพรรค จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ทั้งหมดหรือไม่ นายวิษณุ ตอบว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องเลือกตั้งซ่อมใหม่ทั้งหมด”
ควรโมฆะแค่ส.ส.เขต
นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงกรณี นายวิษณุ เครืองาม ออกระบุปัญหาคุณสมบัติการถือหุ้นสื่อของ นายพิธา อาจทำให้เกิดปัญหาการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ต้องเลือกตั้งใหม่ทั่วประเทศ ว่า มีความเป็นไปได้ เพราะ นายพิธา รู้ตัวว่า ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. เนื่องจากถือหุ้นสื่อ แต่ไปเซ็นรับรองผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล ในฐานะหัวหน้าพรรค เท่ากับไปรับรองทั้งที่ตัวเองไม่มีคุณสมบัติ
ส่วนตัวมองว่า หากจะเป็นโมฆะควรเป็นเฉพาะเขตที่ผู้สมัครพรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งเท่านั้น ไม่ควรโมฆะทั้งหมด แต่บางฝ่ายเห็นว่า ต้องเลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศ เพราะคะแนนที่พรรคก้าวไกลได้ไป ทำให้คะแนนเสียงของคนอื่นๆ ผิดเพี้ยนไม่ตรงกับความจริง คะแนนจึงไม่ควรเสียเฉพาะพรรคก้าวไกล แต่เสียทั้งระบบ
“เพราะหาก นายพิธา ไม่เซ็นรับรองผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล ประชาชนอาจไปพิจารณาเลือกพรรคอื่น ขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นอย่างไร และมีคำวินิจฉัยเช่นใดออกมา ถ้าเลือกตั้งเฉพาะเขตที่พรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้ง ก็เสียหายน้อยหน่อย แต่ถ้าต้องเลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศ คงเสียหายเยอะ แต่ทุกอย่างต้องว่าไปตามกฎหมาย ไม่เกี่ยวกับจะเสียหายมากน้อยอย่างไร” นายเสรี ระบุ
พท.ชี้เลือกตั้งซ่อมห่างไกล
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ ให้ความเห็น หากนายพิธา ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. และถูกร้องเรื่องการรับรองผู้สมัคร ส.ส. อาจต้องเลือกตั้งซ่อมทั้งประเทศ ในเขตที่พรรคก้าวไกลชนะ ว่า เรื่องจะต้องเลือกซ่อมทั่วประเทศห่างไกลมาก
“นายพิธา ลงนามส่งคนลงสมัครในฐานะหัวหน้าพรรค ไม่ใช่ฐานะ ส.ส.หรือ นายกฯ ความเป็นหัวหน้าพรรคถูกต้องตามกฎหมายและข้อบังคับพรรค ไม่เกี่ยวกับถือหุ้นหรือไม่ถือหุ้น ยิ่งยกคำวินิจฉัยปี 2549 ก็คนละเรื่องเลย” นายชูศักดิ์ ระบุ
“สดศรี”เห็นต่าง“วิษณุ”
ด้าน นางสดศรี สัตยธรรม อดีตกรรมการการเลือกตั้ง และอดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ออกมาให้ความเห็นทางกฎหมาย ที่อาจทำให้ต้องเลือกตั้งใหม่ หาก นายพิธา ขาดคุณสมบัติการรับรองผู้สมัครลงเลือกตั้ง
โดยเปรียบเทียบให้เห็นภาพว่า เปรียบเทียบเหมือนโรงละครโรงหนึ่ง แต่ละคนแบ่งแยกหน้าที่กันไป หน้าที่การคัดผู้สมัครเป็นหน้าที่ของกรรมการ ซึ่งกฎหมายเลือกตั้งเขียนไว้ชัดเจน ดังนั้น หัวหน้าพรรคไม่ต้องรับผิดชอบ หน้าที่ของหัวหน้าพรรคเป็นเพียงการลงชื่อเพื่อส่งชื่อไปยัง กกต.เท่านั้น
“ข้อเท็จจริงที่ทำให้เกิดการเลือกตั้งใหม่ในปีที่ นายวิษณุ อ้างถึงนั้น มาจากหลายสาเหตุ ไม่ใช่แค่เลือกการหันคูหาออกอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องการจ้างพรรคเล็กลงรับเลือกตั้งด้วย จึงอยากฝากสื่อกลับไปถามท่านด้วยว่า ที่ตีความว่าต้องมีการเลือกตั้งซ่อมทั้งประเทศนั้น ใช้กฎหมายมาตราไหน คนที่ไม่เข้าใจจะได้กลับไปย้อนดูข้อกฎหมายได้ เพราะตนเองก็สงสัยเหมือนกัน”
“พิธา”เตรียมสู้คดีหุ้นไอทีวี
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ ออกมาระบุดังกล่าว ยังไม่ได้ดูรายละเอียดถึงตรรกะที่ นายวิษณุ ได้กล่าวถึง แต่ทางฝั่งของพรรคก้าวไกล ได้เตรียมการรองรับสถานการณ์ไว้หลายรูปแบบ และพร้อมที่จะชี้แจงในทุกรูปแบบที่จะออกมา
“แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ ยังมีเวลาในการชี้แจง และคำร้องก็ยังไม่ได้เห็นในรายละเอียด ขึ้นอยู่กับคำร้องของผู้ยื่นร้อง ประเด็นการถือครองหุ้นยังไม่เป็นเรื่องที่ต้องกังวล โดยหลักฐานต่างๆ มีการปรึกษาทีมกฎหมายและอธิบายหาทางออกแล้ว แต่ไม่สามารถลงรายละเอียดได้ เพราะต้องรอดูคำร้องก่อน จึงไม่ควรให้สัมภาษณ์สิ่งที่อยู่ในกระบวนการ”
ว่าที่ส.ส.เขตก้าวไกล 112 ที่นั่ง
-กรุงเทพมหานคร 32 ที่นั่ง
-ระยอง 5 ที่นั่ง
-ชลบุรี 7 ที่นั่ง
-นครสวรรค์ 1 ที่นั่ง
- เชียงใหม่ 7 ที่นั่ง
- นนทบุรี 8 ที่นั่ง
- นครปฐม 2 ที่นั่ง
- ปทุมธานี 6 ที่นั่ง
-ภูเก็ต 3 ที่นั่ง
- สมุทรสาคร 3 ที่นั่ง
-สมุทรปราการ 8 ที่นั่ง
- จันทบุรี 3 ที่นั่ง
- เชียงราย 3 ที่นั่ง
- ตาก 2 ที่นั่ง
- ขอนแก่น 3 ที่นั่ง
-พระนครศรีอยุธยา 2 ที่นั่ง
-ฉะเชิงเทรา 1 ที่นั่ง
-นครราชสีมา 3 ที่นั่ง
-ตราด 1 ที่นั่ง
-ลำปาง 3 ที่นั่ง
-มุกดาหาร 1 ที่นั่ง
-อุดรธานี 1 ที่นั่ง
-พิษณุโลก 2 ที่นั่ง
-ปราจีนบุรี 1 ที่นั่ง
-สมุทรสงคราม 1 ที่นั่ง
-ลำพูน 1 ที่นั่ง
-สระบุรี 1 ที่นั่ง
-ลพบุรี 1 ที่นั่ง
+ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 39 ที่นั่ง