ประพันธุ์ชี้ส.ว.ส่วนใหญ่กังวลปม พิธา ถือหุ้นสื่อ คาดกกต.ส่งศาลรธน.ใน 30 วัน

01 มิ.ย. 2566 | 12:59 น.
อัปเดตล่าสุด :01 มิ.ย. 2566 | 13:04 น.

“ประพันธุ์ คูณมี”เผยส.ว.ส่วนใหญ่กังวลปม“พิธา”ถือหุ้นสื่อ คาด กกต.ส่งศาลรธน.วินิจฉัยใน 30 วันนี้ อาจทำให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เปิดช่อง ส.ว.ไม่ต้องโหวตนายกฯ แนะการเลือกประธานสภาฯ คำนึงถึง วัยวุฒิ คุณวุฒิ ประสบการณ์


วันนี้(1 มิ.ย. 66) ที่อาคารเนชั่น บางนา นายประพันธุ์ คูณมี สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) กล่าวถึงภาพรวมของการโหวตเลือก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ของ ส.ว .ว่า  ส.ว.รอดูความคืบหน้าการรวบรวมเสียงในการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล ส่วนใหญ่มีความวิตกกังวล น่าจะมีปัญหาในเรื่องของคุณสมบัติในการถือหุ้นสื่อของ นายพิธา ว่า อาจจะไม่ผ่านมาถึงการโหวต เพราะทราบว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีการรวบรวมข้อเท็จจริงเรื่องนี้ เตรียมเสนอศาลรัฐธรรมนูญแล้ว คาดว่าไม่เกิน 30 วันนี้ จะเสนอศาลรัฐธรรมนูญ 

“หากเกิดเรื่องนี้ขึ้นการโหวต ก็จะทำให้คนที่จะโหวตตัดสินใจง่ายขึ้นในการที่ไม่อาจโหวตให้กับคนที่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับสถาบัน รวมถึงนโยบายการต่างประเทศที่จะสุ่มเสี่ยงให้ประเทศเราตกไปเป็นอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่พึงปรารถนา และนำมาซึ่งความไม่สงบในประเทศ นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ ส.ว.ส่วนใหญ่กำลังเฝ้าติดตามอยู่”

นายประพันธุ์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวต้องดูแนวคิด แนวนโยบายอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกลก่อนว่า หากได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ยืนยันที่จะเดินในแนวทางเดิมๆ หรือไม่ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องแก้ไขกฎหมาย มาตรา 112 หรือ ปฏิรูประบอบกษัตริย์

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคก้าวไกล เป็นพรรคที่สนับสนุนกลุ่มเคลื่อนไหวมากที่สุด มีนโยบายที่จะเป็นการเปลี่ยนแปลง แต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ก้าวหน้าสร้างสรรค์ดีขึ้น หรือ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่สร้างความขัดแย้งใหม่ให้เกิดขึ้นในสังคมและนำมาซึ่งความไม่สงบสุขในประเทศ เป็นประเด็นที่ตนให้ความสำคัญ 

"การเลือก ส.ส. ไม่เหมือนกับการเลือกผู้นำประเทศ เพราะฉะนั้น เขาให้เรามาพิจารณาให้ความเห็นชอบคนที่จะมาเป็นผู้นำประเทศ จึงต้องพิจารณาเหตุปัจจัยที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นประเด็นสำคัญที่จะนำมาประกอบการตัดสินใจ ผู้ที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็จะต้องแสดงจุดยืนวิสัยทัศน์ เพื่อสมาชิกจะได้พิจารณาโหวต" 

นายประพันธุ์ กล่าวด้วยว่า กรณีข้อเสนอให้จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ของนายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ที่มีข้อกังวลในการจัดตั้งรัฐบาลที่กำลังเดินอยู่นี้ อาจจะนำมาซึ่งความไม่สามัคคีของคนในชาติ ความขัดแย้งที่นำมาสู่ความรุนแรง หรือ เกิดเป็นปัญหาขึ้น ซึ่งก็ได้เป็นการเสนอทางออก เป็นทางเลือกทางหนึ่ง 

“ในอดีตเคยมีการเสนอแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยเกิดขึ้น ถ้าจะทำให้เกิดขึ้นก็น่าจะทำได้ เพียงอย่ารอให้ประเทศต้องล่มสลาย หรือ เกิดการขัดแย้ง จนถึงเกิดการนองเลือดบนท้องถนนก่อนถึงค่อยมาคิด แต่ขณะนี้คงยังไม่ถึงเวลานั้น เพราะแต่ละพรรคก็รวมเสียงในการจัดตั้งรัฐบาล ถ้าหากทุกพรรครวมเสียงกันได้และตั้งรัฐบาลได้ก็คงไปไม่ถึงจุดนั้น”

นายประพันธุ์ ยังกล่าวถึงคุณสมบัติของประธานสภาฯ ว่า ต้องมีคุณวุฒิ วัยวุฒิ และประสบการณ์ เพราะประธานสภาฯ ต้องทำหน้าที่เป็นประธานรัฐสภาด้วย ต้องเป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติทั้งหมด ความอาวุโสความมีประสบการณ์ และ ความมีวัยวุฒิ คุณวุฒิเป็นสิ่งจำเป็น 

เพราะต้องได้บุคคลที่ต้องเป็นที่เคารพนับถือ เชื่อถือศรัทธาของมวลสมาชิกด้วย ไม่ใช่คำนึงแต่เพียงว่า พรรคไหนเป็นเสียงข้างมาก ก็ต้องเอาพรรคนั้นโดยไม่คำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ เพราะเมื่อเวลาทำงาน ประเด็นเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญมาก การที่จะวางตัวให้คนเคารพเชื่อถือศรัทธา และให้การยอมรับ หรือ การจะประสานกับกลุ่มพรรคการเมืองหรือสมาชิกเพื่อทำงานร่วมกัน

“ถ้าปราศจากซึ่งความน่าเชื่อถือ ความน่าเคารพ ทั้งในสมาชิกด้วยกันและประชาชน จะเป็นปัญหา และ เป็นอุปสรรคในการทำงาน ผมจึงคิดว่าถ้าพรรคการเมือง จะทำการเมืองไปข้างหน้า ต้องคำนึงสิ่งเหล่านี้ด้วย ไม่ใช่คำนึงถึงแต่จะเอาคนของตัวเองโดยไม่คำนึงปัจจัยเหล่านี้” ส.ว.ประพันธุ์ ระบุ