“ชลน่าน” ยันเพื่อไทยยึดดีลเดิมเก้าอี้ประธานสภา ไร้รอยร้าวร่วมรัฐบาล

28 มิ.ย. 2566 | 03:49 น.
อัพเดตล่าสุด :28 มิ.ย. 2566 | 03:53 น.

"ชลน่าน ศรีแก้ว" หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันพรรคเพื่อไทย ยึดดีลเดิม 14+1 เก้าอี้ประธานสภา รับปมร้อนครั้งนี้จะไม่นำไปสู่ปัญหาความแตกแยกของพรรคร่วมทั้ง 8 พรรคร่วมรัฐบาล

ความคืบหน้ากรณีตำแหน่งประธานสภา ล่าสุด วันนี้ (28 มิถุนายน 2566) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยในรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย และการประชุม ส.ส.ของพรรค เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2566 ซึ่งมีข้อสรุปออกมานั้น เป็นเพียงการให้คำตอบกับพี่น้องประชาชนว่า พรรคยังยืนยันหลักการในสิ่งที่เราได้เสนอไปในการเจรจาครั้งแรก 

โดยยึดตามสัดส่วน 14+1 คือ พรรคก้าวไกลเป็นรัฐมนตรี 14 ตำแหน่งกับนายกรัฐมนตรี ดูแลฝ่ายบริหาร ส่วนพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรี 14 ตำแหน่ง และจะรับหน้าที่ในการเป็นประธานสภา ซึ่งในส่วนนี้เป็นการสิ่งที่ได้เสนอไปในการเจรจาครั้งแรก

“ท่าทีของพรรคเพื่อไทยเกี่ยวกับเรื่องประธานสภาไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร การเจรจาพูดคุยกันเพิ่งเริ่มต้นไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้นและเป็นเพียงการรับข้อเสนอของแต่ละพรรคไปพิจารณา หลังจากนั้นก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันอีก เพราะเป็นกระบวนการพูดกันภายในของแต่ละพรรค” 

ส่วนในช่วงที่ผ่านมามีการนำเสนอความคิดเห็นต่าง ๆ ยอมรับว่า เป็นเพียงความเห็นต่างภายในของแต่ละพรรค ซึ่งการนำเสนอบางมุม สมาชิกและผู้สนับสนุนพรรคบางส่วนไม่เห็นด้วย แต่พรรคเห็นว่าเมื่อเกิดกระแสความคิดเห็นที่แตกต่างก็ควรมีความชัดเจนไปเจรจากับพรรคก้าวไกล จึงเป็นที่มาของที่ประชุมของพรรคได้ยืนยันหลักการเดิม ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ 

อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลก็ยังไม่ได้มีคำตอบกลับมา ซึ่งการจะมีคำตอบอย่างไรก็ยังเป็นกระบวนการภายในของพรรคก้าวไกล และยังยืนยันว่า สิ่งที่ 8 พรรค และพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลยึดถือโดยตลอด ได้ลงนามร่วมกันในบันทึกความเข้าใจคือเราจะมัดกันแน่นและทำงานด้วยกัน โดยมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ยังเป็นประเด็นหลักอยู่

ทั้งนี้ ยอมรับว่า ประเด็นตำแหน่งประธานสภา จะไม่นำไปสู่ปัญหาความแตกแยกของพรรคร่วมทั้ง 8 พรรค ส่วนถ้าไม่ได้ข้อสรุปอาจเกิดการฟรีโหวตหรือไม่ เชื่อว่า พรรคเพื่อไทยระมัดระวังไม่ให้เกิดการฟรีโหวตขึ้นอย่างแน่นอน เพราะไม่ได้เป็นประโยชน์กับทั้งสองพรรค และอาจเป็นประโยชน์กับกลุ่มที่สามที่รอโอกาสอยู่ก็ได้