ชื่อของ "ธาริต เพ็งดิษฐ์" กลับมาได้รับความสนใจจากสังคมกันอีกครั้งภายหลังจากที่ศาลสั่งพิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญาในคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบแจ้งข้อหา "อภิสิทธิ์-สุเทพ" สั่งสลายการชุมนุม นปช. ปี 2553
ธาริต เพ็งดิษฐ์ เป็นที่รู้จักดีในฐานะอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ มากฝีมือ ก่อนถูกลงโทษไล่ออกจากราชการเมื่อปี 2560 ในข้อหาร่ำรวยผิดปกติ
เมื่อเดือนธันวาคมปี 2561 นายธาริต ถูกพิพากษาจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา กรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยื่นฟ้องฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2556 เกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ 396 แห่งทำให้นายสุเทพได้รับความเสียหาย
กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์จำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญา นายธาริตในข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา กรณีร่วมกับพวกรวม 4 คน แจ้งข้อหาดำเนินคดีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ขณะนั้น กล่าวหาว่า สั่งสลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553
ประวัติ นายธาริต เพ็งดิษฐ์
เกิดเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2501
ปัจจุบันอายุ 65 ปี เป็นคน อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท มีอีกชื่อหนึ่งว่า “เบญจ” ซึ่งหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี เป็นผู้ตั้งให้ เพื่อเป็นการแก้เคล็ดเนื่องจากมีร่างกายไม่แข็งแรงเมื่อแรกเกิดต้องอยู่ในตู้อบที่โรงพยาบาลนานถึง 3 เดือน
ก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาเป็น "ธาริต" เมื่อมีอายุได้ 35 ปี ตามหลักทักษาปกรณ์ความเชื่อของโหราศาสตร์ไทย โดยให้คำว่า ธ เป็นเดชนำหน้าชื่อ
การศึกษา
จบระดับมัธยมจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เข้าศึกษาต่อในคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รุ่น KU 37 แต่ปรับตัวไม่ได้กับระบบ "โซตัส"
ในปี 2521 จึงลาออกไปสมัครเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จนสำเร็จการศึกษาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จบเนติบัณฑิตไทย รวมถึงนิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขากฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เส้นทางการทำงาน "ธาริต เพ็งดิษฐ์"
เริ่มต้นจากการเป็นผู้ช่วยอาจารย์สอนกฎหมาย กระทั่งได้พบกับ ศ.ดร.คณิต ณ นคร ในฐานะอาจารย์พิเศษซึ่งได้แนะนำให้ไปสอบอัยการและสอบได้
กระทั่ง นายทักษิณ ชินวัตร ก่อตั้งพรรคไทยรักไทยโดยได้ระดมนักกฎหมายหลายคนซึ่งมี ศ.ดร.คณิต ณ นคร นายเรวัติ ฉ่ำเฉลิม รวมถึงนายธาริต รวมอยู่ด้วย
ภายหลังจากที่พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง นายธาริตได้รับแต่งตั้งให้ช่วยราชการสำนักนายกฯ ทำงานร่วมกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รองนายกฯ ขณะเดียวกันนายธาริตยังเป็นคณะที่ปรึกษาของ พันศักดิ์ วิญญรัตน์ ด้วย
ต่อมาหลังมีการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้มาดำรงตำแหน่ง "เลขาธิการ ป.ป.ท." เป็นคนแรก
จากนั้นเมื่อมีการจัดตั้ง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) หรือ ดีเอสไอ ในรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร นายธาริตได้โอนมาดำรงตำแหน่ง "รองอธิบดีดีเอสไอ" และได้รับแต่งตั้งเป็น "เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท)
กระทั่งได้รับแต่งตั้งเป็น "อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ" แทน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ในปี 2554 ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ดีเอสไอภายใต้การนำของ นายธาริต ชนกับอดีตรัฐบาลประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ที่เคยร่วมทำงานกันมา ทั้งในคดีสลายการชุมนุม ยกฟ้องคดีกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.และคดีอื่น ๆ จำนวนมาก พร้อมไล่สะสางคดีฝั่งตรงข้ามอื่น ๆ เช่น คดีทุจริตโรงพักทดแทน คดีต่อสัญญาสัมปทานบีทีเอส
นายธาริต เป็นหนึ่งในคณะกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เมื่อครั้งมีการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในปี พ.ศ. 2553 ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการดำเนินคดีทางการเมืองอีกหลายคดี
ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ นายธาริตได้รับการต่ออายุในตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ กระทั่ง คสช.เข้ายึดอำนาจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ในปี 2557 นายธาริตถูกย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อมาถูกลงโทษไล่ออกจากราชการในวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560 ในข้อหาร่ำรวยผิดปกติ