“ชลน่าน” ประกาศไม่ทิ้ง “ชาวนา” ดันนโยบายเกษตรเพื่อไทย

(28 ส.ค. 66) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เดินทางรับหนังสือ เป็นตัวแทนพรรค รับข้อเสนอแนะข้อแนะนำของเกษตรกรพี่น้อง "ชาวนา" พร้อมกล่าว ขอบคุณที่พี่น้องตัวแทนชาวนา ทางภาคอีสานที่เดินทางมาในวันนี้ 

โดยข้อเสนอของทุกท่านที่อยากให้พรรคเพื่อไทยเข้าไปดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น ในฐานะที่เป็นผู้ร่วมเจรจาในการจัดตั้งรัฐบาล ภารกิจแรกสุดต้องได้นายกรัฐมนตรี ซึ่งสำเร็จไปแล้ว และมีผลต่อเนื่องมาถึงการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันของ 11 ที่มี 314 เสียง

หลังรวบรวมได้ถือเป็นเสียงข้างมาก ซึ่งหากอยู่ร่วมกันได้ 314 เสียงก็จะถือเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากที่เข้มแข็ง และสามารถบริหารราชการแผ่นดินตอบสนองภารกิจต่างๆ ของประชาชนได้

ทั้งนี้ทางพรรคเพื่อไทยมีแค่ 141 เสียงยังไม่ถึงกึ่งหนึ่งของ 314 เสียง ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเป็นพรรคแกนนำร่วมรัฐบาล 

โดยยังคงมีหลายอย่างที่เราต้องการดำเนินการในเชิงนโยบาย ที่จะดูแลกระทรวงต่างๆ ตามที่ร้องขอเข้ามา และเสนอเข้ามา ถือเป็นสิ่งที่เราอยากดำเนินการอยู่แล้ว 

แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขรัฐบาลผสม ซึ่งจะต้องให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลที่เข้ามาร่วมกันทำงาน แม้จะเป็นความต้องการของเรา บนภายใต้เงื่อนไขการทำงานร่วมกัน 

โดยหลังจากที่พรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลได้ จนมีคณะรัฐมนตรี ภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

ดังนั้นในหลายกระทรวงอาจจะต้องมีการเจรจาพูดจากันบนพื้นฐาน แม้จะมีรัฐมนตรีมาจากพรรคการเมืองอื่น แต่ข้อตกลงร่วมกันคือ "ต้องเอานโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นหลัก" ในการบริหารราชการแผ่นดินของทุกกระทรวงไม่ว่าจะเป็นกระทรวงใด 

โดยนโยบายด้านการเกษตร ยังคงเป็นไปตามแกนนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว และจะเขียนลงในการประกาศนโยบายของรัฐบาล 

ซึ่งหลังจากที่มีการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อย จะนำคณะรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ และแถลงนโยบายรัฐบาลต่อไป

"แม้คนของพรรคเพื่อไทยไม่ได้นั่งเป็นเจ้ากระทรวงแต่นโยบายหลักของกระทรวงนั้นต้องเป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยที่ได้ประกาศหาเสียงเอาไว้ เพื่อกลับไปสู่พี่น้องประชาชนภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ซึ่งหากไม่ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการ เราก็ต้องมีรัฐมนตรีช่วยเข้าไปร่วมทำงาน" นพ.ชลน่าน กล่าว

ส่วนเป้าหมายในการทำงานร่วมกันต่อไปนั้น พรรคร่วมคงจะต้องมีการปรับปรุงให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น ตามจังหวะและโอกาสที่เหมาะสมต่อไป และทุกพรรคการเมืองที่เข้ามาร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ในขณะนี้ขอเรียน ว่า ทุกคนหันหน้าเข้าหากันและจับมือรวมพลังของทุกภาคส่วน 

จากเดิมที่เคยอยู่คนละฝั่งคนละฝ่าย แต่จะรวมพลังกันเพื่อทำงานให้กับพี่น้องประชาชน และให้ประเทศชาติ บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ ถือเป็นมิติแห่งความปรองดอง สมานฉันท์ ลดการเกิดความขัดแย้งต่างๆ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าภายในระยะเวลา 6 เดือน จะเห็นผลในส่วนของนโยบาย