วันนี้ (30 สิงหาคม 2566) ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ได้ขอประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้ทางคณะกรรมการบริหารพรรคได้รับทราบแล้ว ซึ่งเป็นไปตามที่เคยประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค
โดยขณะนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ได้มีการแต่งตั้ง นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นผู้รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แทน และจากนี้จะมีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ต่อไป
“การประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ เป็นจุดสุดท้ายที่เคยบอกเอาไว้ว่าถ้าผมทำหน้าที่หัวหน้าพรรคในฐานะประธานกรรมการบริหารพรรค เมื่อพิจารณารับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยเสร็จเรียบร้อย ผมก็จะมาประกาศว่าจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย”
นพ.ชลน่าน ระบุว่า วันนี้ ภารกิจดังกล่าวได้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว หลังกรรมการบริหารพรรคมีมติเห็นชอบตามที่มอบให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกบุคคลเข้าสู่ตำแหน่งเพื่อจะเสนอรัฐมนตรีของพรคเพื่อไทย ทั้งหมด 17 ตำแหน่ง บวกนากฯ 18 ตำแหน่ง จนในที่สุดภารกิจนี้ได้สำเร็จลงแล้ว จึงขอประกาศลาออกจากตำแหน่ง
“ผม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ขอทำตามที่เคยประกาศไว้ เป็นสัจจะตามที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้ว่า ถ้าพรรคเพื่อไทย ถ้ากรรมการบริหารพรรคมีมติที่จะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ มีมติจับมือกับลุงป้อม ดีลกับลุงป้อม ผมในฐานะหัวหน้าพรรคก็พร้อมจะลาออก และผมก็อนุญาตประกาศ ณ ตรงนี้ว่า ผมขอลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตามที่ได้ประกาศเอาไว้ ณ บัดนี้”
สำหรับเหตุผลความจำเป็นที่ต้องมาประกาศวันนี้นั้น ยอมรับว่า เป็นเหตุผลความจำเป็นของการจัดตั้งรัฐบาลในสถานการณ์พิเศษที่พรรคเพื่อไทยมีความจำเป็น เพราะกรรมการบริหารพรรค สมาชิกพรรคเห็นว่า ต้องมีการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เมื่อมีมติ และเลือกนายกฯ ได้แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการนำรายชื่อรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ จึงขอประกาศลาออก ณ บัดนี้
ขณะที่ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้า พรรคเพื่อไทย ระบุว่า ที่ผ่านมาการทำงานของ นพ.ชลน่าน ได้เสียสละในการทำงานร่วมกันมาโดยตลอดอย่างเต็มที่ รวมทั้งการเลือกตั้ง และการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากที่สุด
เรารู้ว่าเรื่องที่ดำเนินการบางอย่างในการจัดตั้งรัฐบาลหลายเรื่องอาจเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจกับพี่น้องประชาชน แต่หลายเรื่องที่ดำเนินการพรรคเพื่อไทยมีความตั้งใจ เพื่อที่จะให้เกิดสิ่งที่ดีที่สุด
แต่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาในรูปแบบนี้ และกระบวนการในการจัดตั้งรัฐบาลมีปัญหามาโดยตลอดตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร รวมทั้งคะแนนเสียงของผู้ที่ได้รับเลือกตั้งมีการกระจายไปในหลายพรรค
ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลมีความยากลำบากเพิ่มขึ้น และยังมีข้อจำกัดในเรื่องความเห็นทางการเมือง ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นในระบอบประชาธิปไตย
อย่างไรก็ตามหากเป็นรัฐบาลในภาวะปกติก็เชื่อว่า จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลในรูปแบบที่มีเสถียรภาพ ทั้งจากฝั่งขั่วเดิมก่อนหน้านี้ หรือจะเป็นในรูปแบบอื่น
แต่เมื่อมีเงื่อนไข จากระบบรัฐสภาที่มีทั้ง สมาชิกวุฒิสภา และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งหลายส่วนมีความเห็นเป็นอิสระและมีดุลพินิจในการพิจารณา
ทำให้เราได้เห็นว่า การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งแรกมีคะแนนเสียงไม่เพียงพอและไม่สามารถไปได้ไกลถึง 312 เสียง บวกกับอีก 12-13 เสียง
และหลังจากที่ พรรคเพื่อไทย ได้ขึ้นมาจัดตั้งรัฐบาลแทนในฐานะพรรคที่มีคะแนนเสียงเป็นอันดับ 2 จากการเลือกตั้ง ในฐานะที่ขึ้นมาเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล จึงต้องตัดสินใจในการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เพื่อนำนโยบายต่างๆ มาตอบสนองประชาชน
โดยดึงทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล บนภายใต้เงื่อนไขการร่วมรัฐบาลในครั้งนี้เราจะทำงานอย่างเต็มที่ และสุดความสามารถ เพื่อให้ปัญหาของพี่น้องประชาชนได้รับแก้ไขอย่างดีที่สุด