นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าววันนี้ (10 ก.ย.) ว่า รัฐบาลมี นโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพล ซึ่งคงไปกำหนดว่าจะให้เสร็จวันไหนไม่ได้ แต่จะทำให้รู้ว่าต่อไป (ผู้มีอิทธิพล) จะทำอะไรลุแก่อำนาจไม่ได้อีก ซึ่งคำว่าผู้มีอิทธิพลนั้นมีนิยามอยู่ เช่น ฮั้วประมูล ค้าประเวณี ค้าน้ำมันเถื่อน เป็นต้น ซึ่งจะนำมาพิจารณาด้วย
กรณีมอบหมายให้ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย แก้ปัญหาเรื่องนี้ ก็เป็นการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่น กรณีกำนันนก ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า กำนันสังกัดมหาดไทย ซึ่งเมื่อวานนี้ (9 ก.ย.) ก็มีการเพิกถอนใบอนุญาตการใช้อาวุธแล้ว ถือว่ามีการตอบสนอง
"เราต้องเลือกคนที่มีความเข้าใจว่าที่มาที่ไปของปัญหาเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญคือต้องมีใจที่จะกล้าชนกับคนพวกนี้ และผมเชื่อว่านายชาดากล้าชน" นายอนุทินกล่าว
ส่วนที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน บอกว่าให้นายชาดาตรวจสอบตัวเอง นายอนุทินกล่าวว่า ถือเป็นวาทกรรม ก็ต้องเป็นแบบนี้ แทนที่จะให้คนไปทำคุณประโยชน์กลับมาพูดแบบนี้ก็คงไม่ถูกนัก คนมาเป็นรัฐมนตรีต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งเรื่องนี้ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีจนมีการนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ฉะนั้น จึงไม่ควรพูดถึงว่านายชาดาเป็นอย่างไร เพราะแบบนี้มันเป็นการด้อยค่า
สั่งฟันไม่เลี้ยงเจ้าหน้าที่รัฐสมยอมมาเฟีย
นายอนุทินในฐานะมท.1 กล่าวว่า “ผู้มีอิทธิพล” หากเป็นคนธรรมดา อิทธิพลก็มาจากคนที่เป็นเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไปยอมเขาเอง
“เราต้องทำให้เห็นว่าคนพวกนี้ไม่ใช่คนที่ควรสมยอม ต้องไม่ยอมรับผลประโยชน์จากคนพวกนี้เลย หากไปรับเงินทอง ทรัพย์สิน ก็เท่ากับเราไปยอมให้ระบบนี้เกิดขึ้น”
พร้อมกันนี้ มท.1 ยังกล่าวว่า ถ้าตนมาอยู่ตรงนี้ส่วนที่รับผิดชอบอยู่ เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น ตนต้องทำให้ได้ และขอขอบคุณผู้ว่าฯนครปฐม และนายอำเภอในพื้นที่ ที่เร่งรีบดำเนินการกรณีเหตุยิงตำรวจทางหลวงในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งอย่างน้อยก็แสดงถึงความตื่นตัวในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
"ผมไม่ได้ขี่ม้าควบเป็นคาวบอยไปยิง แต่ผมบอกว่าประเทศนี้ต้องไม่มีสิ่งเหล่านี้ ผมมีปลัดกระทรวง มีผู้ว่าราชการจังหวัด อธิบดี นายอำเภอกลไกเหล่านี้เดินอยู่ ถ้ารัฐมนตรีบอกว่ามีสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ แล้วผู้ว่าคนไหน นายอำเภอคนไหน ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ ผมก็รู้ว่าจะต้องจัดการอย่างไร" นายอนุทินกล่าว
"บิ๊กโจ๊ก"รับมอบนโยบายปราบผู้มีอิทธิพลจากนายกฯ
ด้านพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล “บิ๊กโจ๊ก” รอง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีขยายผลคดีกำนันนกที่มีตำรวจหลายนายเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ว่า ขณะนี้กำลังสอบขยายผลเพิ่มเติม ทั้งการทุจริตต่าง ๆ ในพื้นที่ ตั้งแต่การฮั้วประมูล การได้งานประมูลภาครัฐต่าง ๆ ของบริษัทกำนันนก หรือชื่อสกุลจริง นายประวีณ จันทร์คล้าย กำนันตำบลตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม หากพบความเชื่อมโยงกับใคร และใครเป็นผู้กระทำความผิด ก็จะออกหมายเรียก และหมายจับ เป็นลำดับต่อไป
ในส่วนของการอายัดทรัพย์สินของกำนันนกนั้น ตอนนี้ยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากยังไม่เข้าข่ายความผิด แต่ขณะนี้ได้รับเอกสาร พยานหลักฐานเพิ่มเติมแล้ว และจะมีการตรวจสอบเรื่องการฮั้วประมูล ซึ่งหากพบเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน ก็จะเข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์ต่อไป
เกี่ยวกับคดีดังกล่าวนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังได้เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่บ้านพิษณุโลก ซึ่งได้มีการมอบนโยบายการปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ตำรวจ จะต้องปราบปรามให้ถึงที่สุด แก้ไขปัญหาการฮั้วประมูล
ทั้งนี้ นายกฯ ได้ตั้งข้อสงสัย กำนันนกในวัย 35 ปี เหตุใดจึงมีฐานะร่ำรวยโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี และยังมีตำรวจใกล้ชิด ล้อมหน้าล้อมหลัง ตำรวจต้องอยู่กับประชาชน ไม่ใช่อยู่กับผู้มีอิทธิพล