เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของประเทศไทย มีภารกิจในการเดินทางไปประชุมมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (78th Session of the United Nations General Assembly: UNGA78) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา 18 – 24 ก.ย. อีกทั้งยังมีภารกิจอื่นนอกเหนือไปจากนี้ด้วย
จากการตรวจสอบของ "ฐานเศรษฐกิจ" พบว่า ภาคการของนายกรัฐมนตรีระหว่างการประชุม UN ครั้งนี้ ประกอบด้วย
การประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 หรือ UNGA78 จะเข้าร่วมด้วย ถือเป็นการเดินทางเพื่อปฏิบัติภารกิจนอกประเทศครั้งแรกของนายกรัฐมนตรี และเป็นโอกาสให้ได้พบหารือกับผู้นำต่างประเทศ ผู้นำองค์การระหว่างประเทศ บุคคลสำคัญ เพื่อกระชับความร่วมมือระหว่างประเทศ ทั้งผ่านกรอบทวิภาคี และพหุภาคี
ภารกิจที่เกี่ยวข้องกับองค์การสหประชาชาติ ของนายเศรษฐา อาทิ การกล่าวถ้อยแถลงในการอภิปรายทั่วไปการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 การกล่าว Welcoming Remarks ในกิจกรรมคู่ขนานระดับสูง ของประเทศไทย และอาเซียน ในหัวข้อ Fostering Partnership for Our Common Future: Enhancing Multi-Stakeholder Partnerships to Accelerate the SDGs in ASEAN ซึ่งประเทศไทย และ คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ (UNESCAP) ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ
การกล่าวในกิจกรรมระดับผู้นำ Climate Ambition Summit และการเข้าร่วมการประชุม High-level Meeting on Global Development Initiative (GDI) Cooperation Outcome ซึ่งนายกรัฐมนตรี จะนำเสนอบทบาทของไทยด้านความร่วมมือเพื่อต่อสู้กับความท้าทายระหว่างประเทศในเรื่องสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นายกรัฐมนตรีมีความมุ่งมั่น ที่จะพบหารือกับบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ของต่างประเทศ และมีกำหนดพบหารือกับผู้บริหารสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกาและอาเซียน (US-ASEAN Business Council: USABC) หอการค้าสหรัฐอเมริกา (US Chamber of Commerce: USCC) และภาคเอกชนสหรัฐฯ ซึ่งมีบริษัทเอกชนมาร่วมจำนวนมาก เพื่อเพิ่มความมั่นใจ ยืนยันแนวทางด้านนโยบายของไทยที่สนับสนุนการค้าการลงทุนกับต่างประเทศ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในการไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ สหรัฐอเมริกา ได้เตรียมความพร้อมแล้ว ซึ่งจะมีการนัดหารือกับผู้นำประเทศต่าง ๆ และน่ายินดีที่ผู้นำหลายประเทศ ได้ตอบรับคำเชิญการหารือ บางประเทศยังอยู่ระหว่างการรอคำยืนยัน ซึ่งรวมไปถึงนายกรัฐมนตรีของเยอรมัน ในการพิจารณาเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำของกองทัพเรือด้วย