เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้รับการ “พักโทษ” และมีแนวโน้มที่จะได้คืนสู่อิสรภาพ ไม่ต้องถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำ ภายในวันที่ 18 ก.พ. 2567 นี้
ความชัดเจนดังกล่าวเกิดขึ้น วันที่ 13 ก.พ. 2567 เมื่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ออกมาคอนเฟิร์มว่า นายทักษิณ เป็น 1 ใน 930 คน ที่ได้รับ “พักโทษ” โดยคณะอนุกรรมการพักโทษเห็นชอบตามที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์เสนอ เนื่องจากเกณฑ์ของ นายทักษิณ อยู่ในกลุ่มเจ็บป่วยร้ายแรง หรือ พิการ หรือ อายุ 70 ปีขึ้นไป
“ท่านต้องโทษ 1 ปี ถ้า 1 ใน 3 คือ 4 เดือน แต่กรณีของ นายทักษิณ พอครบ 6 เดือน ก็เป็นอัตโนมัติที่จะได้รับการพักโทษ” พ.ต.อ.ทวี ตอบข้อถามที่ว่านายทักษิณ จะได้พักโทษวันไหน
ส่วนจะปล่อยตัวในวันที่ 18 ก.พ.นี้หรือไม่นั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ต้องไปไล่วันดู แต่เราไม่มีวันหยุดอะไร ถ้าได้รับครบเกณฑ์ก็เป็นสิทธิ์ของผู้พักโทษ ทางราชทัณฑ์ก็จะมีการประสานกัน
“อยากจะเรียนว่ามันเป็นเรื่องปกติ ผมได้ตรวจสอบว่าโครงการการพักโทษ กรณีเจ็บป่วยร้ายแรง พิการ หรือ อายุ 70 ปี มันเริ่มมาตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบัน มีอยู่จำนวน 2,240 คน ซึ่งนอกจากการพักโทษแล้ว ยังมีการยกเลิกการพักโทษก็มี เนื่องจากว่าในช่วงที่ผ่านมาต้องมีการปฏิบัติตามเกณฑ์ที่อนุกรรมการกำหนด” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
ลุ้นปล่อย“ทักษิณ”18 ก.พ.
ทั้งนี้ วันที่ 18 ก.พ.นี้ จะเป็นวันครบ 6 เดือน ที่ ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ (พักรักษาความอยู่ที่ รพ.ตำรวจ) เข้าเกณฑ์การได้รับการพักโทษ นับแต่กลับถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2566
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2567 นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณี นายทักษิณ จะได้รับการพักโทษ กรณีมีเหตุพิเศษหรือไม่ว่า ทุกคนจะรู้ดีว่าครบ 6 เดือน ถ้าวันไหนก็วันนั้น
“ถ้าถึงเวลาแล้วท่านทักษิณ มีรายชื่อได้รับการพักโทษก็ได้รับสิทธิ์ แม้ว่าในวันที่จะได้รับการพักโทษจะตรงกับวันเสาร์ หรือ วันอาทิตย์ เราก็ต้องปล่อยตัวผู้ต้องขังตามสิทธิที่เขาได้รับ”
นายสมบูรณ์ ระบุว่า “หลังเที่ยงคืนวันที่จะได้พักโทษ มันก็ถึงวันของเขา ราชทัณฑ์จึงไม่มีสิทธิ์จะเอาตัวผู้ต้องขังอยู่ต่อ แต่การที่จะอยู่ต่อมันก็เป็นการอะลุ่มอะล่วยกันว่าวันรุ่งขึ้นอาจจะค่อยปล่อยตัวได้ ผมจึงยังตอบไม่ได้ว่าเที่ยงคืนของวันพักโทษของผู้ต้องขังจะได้ออกเลยหรือไม่ เพราะมันอยู่ที่ข้อเท็จจริงของแต่ละราย”
ไม่ต้องใส่กำไล EM
ทั้งนี้เมื่อ นายทักษิณ ได้รับการพักโทษ จะมีเงื่อนไขระบุว่า ถ้ากรณีมีอายุ 70 ปีขึ้นไป มีคนอุปการะ หรือ ให้ความช่วยเหลือตัวเองได้หรือไม่ อย่างไร ดังนั้น คนที่ได้รับการพักโทษจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ซึ่งการพักโทษไม่ได้หมายความว่าพ้นโทษ หรือ พ้นจากการควบคุมของกระทรวงยุติธรรม แต่ยังอยู่ในการกำกับดูของกระทรวงยุติธรรม แค่เปลี่ยนจากการรับผิดชอบของกรมราชทัณฑ์ไปเป็นกรมคุมประพฤติ และ ไม่ต้องมีหมายปล่อยของศาล”
นายสมบูรณ์ กล่าวอีกว่า ในเรื่องของการติดหรือไม่ติดกำไล EM ของนายทักษิณ หากได้รับการพักโทษนั้น ตนขอชี้แจงถึงมติของคณะอนุกรรมการฯ เมื่อปี 2563 คนเจ็บป่วย หรือ อายุ 70 ปีขึ้นไป ไม่ต้องสวมหรือติดกำไล EMเพราะถ้าต้องติดกำไล เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ก็ต้องติดคุก เพราะทำผิดระเบียบกรมราชทัณฑ์
“อุ๊งอิ๊ง”บอกเป็นข่าวดี
ด้าน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บุตรสาว นายทักษิณ กล่าวถึงกรณีที่มีชื่อ นายทักษิณ ได้รับการพักโทษ ว่า ก่อนหน้านี้ยังไม่ทราบถึงรายชื่อ เพิ่งทราบจากข่าวออนไลน์ แต่ครอบครัวก็ทราบในหลักการ ที่ผ่านมายังไม่ได้เคยได้รับการยืนยัน เพิ่งทราบพร้อมประชาชน ซึ่งยอมรับว่าเป็นข่าวดีของเช้านี้
ส่วนจะได้เห็นตัว นายทักษิณ หรือไม่นั้น ยังไม่แน่ใจว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร แต่เมื่อ นายทักษิณ กลับบ้านแล้วได้พัก และหมออนุญาต ก็คิดว่า นายทักษิณ จะออกมาข้างนอกแน่นอน เพราะนอนอยู่ในห้องมา 6 เดือนแล้ว ตอนนี้อยากให้พักผ่อนให้สบายใจ เพื่อให้ออกมาอย่างแข็งแรง
ส่วนจะต้องรักษาตัวต่อหรือไม่นั้น เบื้องต้นหมอยังไม่ได้บอก แต่เคยคุยว่าถ้าได้รับการพักโทษจะให้หมอไปดูที่ตรวจเช็คสุขภาพที่บ้าน ส่วนสถานที่พักหลังจากนี้ยังคงเป็น “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ซึ่งมีการเตรียมทำความสะอาดไว้แล้ว
“ทักษิณ”เล็งพบประชาชน
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าจะมีหลายกลุ่มออกมาคัดค้านการพักโทษ นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า นายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ทำประโยชน์กับประเทศมากมาย แม้จะออกจากประเทศไป 17 ปี ซึ่งตลอด 17 ปีนี้ มีหลายคนไม่รู้จัก หากได้รู้จักและทราบว่าได้ทำประโยชน์กับประเทศมากมาย ได้รับความยุติธรรมและไม่ยุติธรรมปะปนกันไป
“ที่ผ่านมาครอบครัวให้ความมั่นใจกับ นายทักษิณ ว่า การกลับมารับโทษในที่จำกัดตลอด 6 เดือน ในวัย 75 ปี วันนี้ถึงเวลาได้พักโทษ ได้กลับบ้านก็ขอให้มีกำลังกายที่แข็งแรง สมบูรณ์ เพื่อออกมาใช้ชีวิตในเมืองไทย ได้อย่างมีความสุข และหวังว่า ถ้าไปที่ไหนก็จะมีแต่คนรอรับตามที่เคยตั้งความหวังไว้ ว่าจะออกไปพบปะประชาชน และหวังว่าหลังจากพักโทษและกลับบ้านแล้วทุกอย่างจะเรียบร้อยดี”
“เศรษฐา”จ่อขอคำปรึกษา
ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ มีชื่อเข้าข่ายได้รับการพักโทษว่า อดีตนายกฯ ได้รับการพักโทษ เป็นไปตามกฏหมายและระเบียบของกรมราชทัณฑ์อยู่แล้ว
“นายทักษิณเองก็เป็นอดีตนายกฯ มาหลายปี และเป็นคนที่มีประโยชน์กับประเทศชาติ และทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติมาอย่างยาวนาน เป็นนายกฯ ที่ได้รับความนิยมชมชอบอย่างสูงที่สุดท่านหนึ่งในประวัติศาสตร์ของการเมืองไทย และความจริงเมื่อท่านออกมาแล้ว ก็เป็นประชาชนธรรมดาคนหนึ่ง เรื่องในอดีตก็ถือเป็นเรื่องในอดีตไป และได้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายไปเรียบร้อยแล้ว”
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า “ท่านเองก็มีลูกมีหลาน ลูกสาวคนเล็กก็เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แล้วผมเชื่อว่าท่านจะมีคำแนะนำดีๆ ที่จะให้เป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์ เดี๋ยวผมเชื่อว่าลูกก็จะนำมาใช้เป็นประโยชน์ในการบริหารประเทศได้ และปัจจุบันท่านก็มีหลาน 7 คน ในฐานะที่ผมเป็นพ่อคนผมก็เข้าใจ ความรักคุณปู่ หรือ คุณตา มีให้กับลูกหลาน ก็ถือเป็นสิทธิ์ของท่าน”
ผู้สื่อข่าวถามว่าในอนาคตถ้ามีโอกาสจะขอคำปรึกษาจาก นายทักษิณหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ผมพร้อมที่จะพูดคุยกับคนที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติทุกคน ทั้งพรรคตรงข้าม ฝ่ายตรงข้าม อดีตนายกฯ ทหาร ตำรวจ ในอดีตก็พูดคุยตลอดเวลา
เพราะผมเข้ามาในรัฐบาลที่มีพรรคร่วมรัฐบาลเยอะ ปัญหาบ้านเมืองก็เยอะ ความชำนาญในการบริหารจัดการประเทศของแต่ละคน ก็มีไม่เท่ากัน บางเรื่องเรามีความรู้มาก บางเรื่องเรามีความรู้น้อย ก็พร้อมที่จะพูดคุยกับทุกคนที่มีความรู้ความสามารถ หรือ ผู้ที่เคยบริหารจัดการประเทศมา ก็ต้องดูเรื่องกฎหมายและอะไรหลายๆ เรื่องควบคู่ไปด้วย”
น่าจับตาว่า เมื่อ “ทักษิณ” ได้รับการพักโทษ คืนสู่อิสรภาพ จะเข้ามามีบทบาทในทางการเมือง โดยเฉพาะการให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลมากน้อยแค่ไหน