“อลงกรณ์” แจงไม่มีการย้ายพรรค สร้างมิติใหม่การเมืองไร้รอยต่อ

19 มี.ค. 2567 | 06:53 น.

ลือสะพัด “อลงกรณ์ พลบุตร” จะย้ายพรรคไปเพื่อไทยหลังพบ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เจ้าตัวแจงไม่ม่การย้ายพรรค สร้างมิติใหม่การเมืองไร้รอยต่อ

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรัฐมนตรีและอดีต ส.ส. 6 สมัย พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีมีกระเเสข่าวและคำถามเกี่ยวกับการย้ายพรรคไปเพื่อไทย (พท.) หลังจากมีข่าวไปพบหารือ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยนายอลงกรณ์ผ่านข้อความชี้แจง ว่า ไม่มีการย้ายพรรค พร้อมเขียนชี้แจงเรื่องนี้เกี่ยวกับการเมืองที่ไร้รอยต่อไว้อย่างน่าสนใจดังต่อไปนี้

การเมืองที่ไร้รอยต่อ Seamless politics กรณีมีข่าว อลงกรณ์-ชัชชาติ ผนึกความร่วมมือ กทม.-จีน ด้านพลังงานสะอาดและยานยนต์ไฟฟัาโดยฝ่ายหนึ่งนำโดยนายอลงกรณ์ พลบุตร พรรคประชาธิปัตย์ กับอีกฝ่ายหนึ่งนำโดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย จนทำให้มีคำถามด้วยความกังขาว่าคุยกันรู้เรื่องหรือไม่ บางคนตีความไปว่าจะย้ายพรรคไปเพื่อไทยตนจึงถามกลับไปว่า ทำไมถึงคิดเช่นนั้นเข้าใจคำว่า การเมืองที่ไร้รอยต่อ (seamless politics) หรือไม่ 

 

นายอลงกรณ์อธิบายว่า การเมืองที่ไร้รอยต่อ หมายถึง วัฒนธรรมทางการเมืองที่พรรคการเมืองหรือนักการเมืองที่อยู่คนละพรรคทำงานร่วมมือกันได้ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม โดยก้าวความความแตกต่างทางการเมืองหรือการแข่งขันทางการเมือง

โดยเชื่อว่าผู้ว่าฯชัชชาติ ก็มีแนวความคิดความเชื่อเช่นเดียวกันในเรื่องการเมืองที่ไร้รอยต่อ โดยให้เกียรติและแสดงออกอย่างกระตือรือร้นในระหว่างการประชุมหารือ และแสวงหาความร่วมมือที่เป็นไปได้ในทุกมิติ ปราศจากร่องรอยการแบ่งพรรค แบ่งฝ่าย ยิ่งกว่านั้นยังได้พูดถึงความร่วมมือในการยกระดับการศึกษาด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆเช่น เยเนอเรทีฟ เอไอ(Generative AI-ปัญญาประดิษฐ์)

ในระบบ AI Classroom และความร่วมมือในโครงการกรุงเทพสีเขียว 2030( Green Bangkok 2030)เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและคุณภาพของเมืองหลวงของประเทศ เป็นต้น

นายอลงกรณ์ อธิบายว่า ความร่วมมือระหว่างผู้ว่าฯชัชชาติและตน คือหนึ่งในตัวอย่างของการเมืองที่ไร้รอยต่อ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้สร้างความกังขาให้กับเพื่อนๆ และสื่อมวลชน โดยเข้าใจดีว่าการเมืองไทยเคยชินกับวัฒนธรรมทางการเมืองที่มุ่งต่อสู้แข่งขันแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายหมายเอาชนะคะคานกัน ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง

แต่สำหรับตนมองว่า เหรียญมีสองด้านเสมอ ด้านหนึ่งคือการแข่งขันอีกด้านหนึ่งคือความร่วมมือ การเมืองจึงไม่ได้มีแค่เรื่องการแข่งขันหรือการต่อสู้ทางการเมืองเท่านั้น แต่การเมืองสามารถร่วมมือกันได้ในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ

"นี่คือวิถีของการเมืองสร้างสรรค์ที่ผมยึดถือเชื่อมั่นมาโดยตลอดและอยากเห็นวัฒนธรรมทางการเมืองไทยแบบนี้เป็นรากฐานใหม่ของการเมืองไทย สรุปคือไม่มีการย้ายพรรคครับ"