“ไชยา พรหมา”พ้อถูกปลดจาก รมต. เสียดายโอกาสทำงานเพื่อเกษตรกร

28 เม.ย. 2567 | 09:10 น.

“ไชยา พรหมา”รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พ้อเสียดายโอกาสทำงานเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร หลังถูกปลดจาก รมต. โดยไม่ทราบสาเหตุ แต่เข้าใจในเหตุผลและความจำเป็นของนายกฯ

วันที่ 28 เม.ย.2567 นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ ส.ส.หนองบัวลำภู กล่าวถึงการถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เสียดายโอกาสที่จะทำงานเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรในภาคอีสาน เนื่องจากเป็นผู้แทนราษฎรมา 9 สมัย เมื่อได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรี เป็นเหมือนตัวแทนของคนอีสานมาบริหารงานกระทรวงเกษตรฯ จึงมุ่งหวังที่จะทำงานช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเต็มที่ 

โดยเฉพาะขณะนี้งบประมาณประจำปี 2567 ออกมาแล้ว แต่ไม่มีโอกาสขับเคลื่อนงานด้านการแก้ไขภัยแล้ง การแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร รวมถึงโครงการส่งออกโคมีชีวิตไปจีนตามที่ตั้งใจไว้จึงขอโทษคนอีสานด้วย

“ไม่ทราบเหตุผลจริงๆ ว่า ที่ถูกปรับออกจาก ครม. คืออะไร แต่ยอมรับว่า การทำงานระยะแรก มีอุปสรรค เพราะกำกับดูแลหน่วยงานเล็กๆ 4 หน่วยงานได้แก่ กรมปศุสัตว์ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กรมหม่อนไหม และ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย แต่ไม่ได้กำกับดูแลแบบเบ็ดเสร็จ เนื่องจากไม่สามารถบริหารบุคลากร รวมถึงทรัพยากรต่างๆ ของหน่วยงานซึ่งเป็นหลักการบริหารทั่วไป แม้หลักการบริหารงานของภาคเอกชน ยังต้องได้รับอำนาจเต็มที่ 

ข้อจำกัดในการทำงานเหล่านี้ พรรคเพื่อไทยทราบ แต่ไม่ได้ช่วยจัดการอะไร และที่ผ่านมา ไม่ได้ให้ข้อจำกัดดังกล่าว เป็นอุปสรรค โดยมีวิธีบริหารจัดการของตัวเอง แต่กว่าจะปรับให้เป็นเนื้อเดียวกันได้ ใช้เวลาพอสมควร และหลังจากที่ได้บริหารหน่วยงานที่กำกับดูแลไปสักระยะ งานขับเคลื่อนด้วยดี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าใจดี และไม่มีปัญหาความขัดแย้งใดๆ”

นายไชยา กล่าวด้วยว่า เมื่อวานนี้มีโอกาสติดตามนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งตรวจราชการที่ จ.จันทบุรี นายกฯ ได้แจ้งว่า มีเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องปรับ ครม. โดยนายกรัฐมนตรีบอกด้วยว่า อยากให้สนับสนุนงานของรัฐบาลในการดูแลประชาชนในภาคอีสาน ซึ่งพร้อมร่วมมือเพื่อประโยชน์ของประชาชนในนามของพรรคเพื่อไทย

“ผมก็ยอมรับในอำนาจของนายกฯ ในการปรับครม. โดยเข้าใจถึงข้อจำกัดเกี่ยวกับเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค หากถูกประเมินว่า ผลงานน้อย ยืนกระต่ายขาเดียวว่า ไม่ใช่ เพราะทำงานเต็มที่ แต่มีข้อจำกัดจนบดบังบทบาท จะเอามาเป็น KPI การทำงานไม่ได้”

นอกจากนี้ มีรัฐมนตรีบางคนที่แทบไม่ได้ออกสื่อเลย กลับอยู่รอดปลอดภัย อีกประการหนึ่งตนเป็นส.ส. ที่ไม่มีฐานนายทุนสนับสนุน มีแต่ฐานเสียงของประชาชนในภาคอีสานที่เลือกตั้งมา และทำงานทุกวินาทีในตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด 

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่เสียใจ แต่เสียดายโอกาสสานต่อการทำงานจึงขอฝากรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ดูแลแก้ไขปัญหาปากท้องของคนอีสานด้วย” นายไชยา กล่าวและว่า จะทำงานด้วยสปิริตในฐานะผู้แทนราษฎรต่อไป