นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย อภิปรายวาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ 2568 ว่า ขอให้ฉายาการจัดงบประมาณของรัฐบาลครั้งนี้ว่า “ซิกแซก-ไต่เส้นลวด” ที่มาของคำว่าซิกแซกเพราะตั้งแต่วันที่ 11กันยายน ปี2566เป็นต้นมา รัฐบาลพยายามผลักดันนโยบายดิจิทัลวอลเลต โดยผ่านการจัดทำพระราชบัญญัติเงินกู้ 5แสนล้านบาท แต่ปรากฎว่า มีเสียงคัดค้านจากหลายฝ่ายจนกระทั่งรัฐบาลหยุดการออกพ.ร.ก.เงินกู้เปลี่ยนมาเป็นวิธีการจัดทำงบประมาณปี 2568 การจัดทำงบประมาณเพิ่มเติม ประจำปี 2567และกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เพื่อตอบสนองนโยบายดิจิทัลวอลเลตซึ่งเห็นว่าเป็นวิธีการซิกแซก เสี่ยงต่อการขัดข้อกฎหมาย
นายฐากร กล่าวว่า เมื่อดูรายละเอียดงบประมาณ ปี2568 ในหมวด2 เป็นงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รัฐบาลตั้งไว้ 805แสนล้านบาท ระบุว่าเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ 152.7แสนล้านบาท
“รัฐบาลใช้วิธีตั้งงบกลาง อ้างว่าค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการซิกแซกเพื่อนำไปใช้สนองนโยบายดิจิทัลวอลเลต”นายฐากร กล่าวและว่า อีกส่วนหนึ่งมาจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี2567เพิ่มเติม 122,000ล้านบาทซึ่งคาดว่ารัฐบาลจะนำเข้าพิจารณาในรัฐสภา เดือนกรกฎาคม
สำหรับ แจกเงินดิจิทัลวอลเลต ที่รัฐบาลจะนำไปใช้ผ่านงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568และงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2567 รวมทั้งสิ้น 264,700 ล้านบาท
ห่วงรัฐบาลเสี่ยงขัดกฎหมาย 2 ฉบับ
นายฐากรกล่าวว่า การใช้วิธีการซิกแซกเพื่อนำเงินไปใช้สนองนโยบายดิจิทัลวอลเลต อาจขัดกับข้อกฎหมาย2ฉบับ นั่นคือพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 9 ระบุว่า คณะรัฐมนตรีต้องไม่บริหารราชการแผ่นดินโดยมุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาว อีกฉบับ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 มาตรา 10 (8) ระบุผลการดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณของปีงบประมาณที่ล่วงมาแล้ว
“การใช้วิธีการจัดทำงบประมาณดังกล่าวนี้ เป็นวิธีการซิกแซกที่เสี่ยงต่อการขัดกับข้อกฎหมาย พรรคไทยสร้างไทยมีความเป็นห่วงว่าจะทำให้การนำเงินงบประมาณไปใช้ในการพัฒนาประเทศเกิดปัญหาสะดุด” นายฐากรกล่าว
นายฐากร กล่าวถึงการจัดงบประมาณของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี ว่า ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งมีปัญหาเรื่องของอาชญกรรมออนไลน์และการพนันออนไลน์ งบฯของดีอีมีจำนวนเพียง 80 ล้านบาท แต่การก่ออาชญากรรมออนไลน์แก๊งคอลล์เซ็นเตอร์และการพนันออนไลน์ในช่วง 2 ปีสร้างความเสียหายให้กับประชาชนมากกว่า 6 หมื่นล้านบาท มีคดีออนไลน์มากกว่า 540 แสนคดี
"ผมอยากเสนอแนะให้รัฐบาลดึงงบประมาณในโครงการโทรฉุกเฉินเบอร์เดียวแจ้งทุกเหตุซึ่งปัจจุบันล้าสมัยเทคโนโลยีเปลี่ยนไปแล้วให้กระทรวงดีอีนำไปจัดวางระบบป้องกันการก่ออาชญากรรมออนไลน์"
นายฐากร ยังอภิปรายการจัดทำงบประมาณของกระทรวงคมนาคม ตั้งไว้ 1.93แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี2567จำนวน 1.03 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงบประมาณเพื่อการบำรุงรักษาเส้นทางและสะพานกว่า 5.1หมื่นล้านบาท.