“บิ๊กโจ๊ก”ระทึก ก.ตร.เริ่มประชุมถกปมให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว

26 มิ.ย. 2567 | 08:10 น.
อัปเดตล่าสุด :26 มิ.ย. 2567 | 08:14 น.

นายกฯ เป็นประธานนั่งหัวโต๊ะถก ก.ตร. แล้ว จับตาหารือปัญหาการให้ “บิ๊กโจ๊ก”ออกจากราชการไว้ก่อน จะมีการกลับคำสั่งอะไรหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(26 มิ.ย.67)  เวลา 15.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้เป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 5/2567 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดยมีวาระที่ถูกจับตา คือ 

วาระที่ 4 ที่ประชุมจะหยิบยกผลสรุปการสอบสวนของอนุกรรมการวินัยฯ ที่มีผลสรุปคำสั่ง ตร.ที่ 177-178/2567 เรื่องให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ออกจากราชการไว้ก่อน พิจารณาว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ก่อนนั้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2567 ถึงการประชุม ก.ตร. ว่า มีประเด็นเรื่องการกลับเข้ารับราชการได้หรือไม่ได้ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่จะต้องพิจารณาด้วย แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องกลับหรือไม่กลับเพียงอย่างเดียว เพราะมีขั้นตอนทางกฎหมายด้วย คณะกรรมการที่พิจารณาทางวินัย กับ ก.พ.ค.ตร. ก็จะนำข้อมูลต่างๆ มาร่วมพิจารณา ซึ่งจะต้องฟังให้รอบด้าน

“ความจริงแล้วใน ก.ตร. ผมก็เป็นเพียงแค่ 1 เสียง แม้จะเป็นประธานก็จริง แต่ก็มีคณะคณะกรรมการ ก.ตร. หลายๆ ท่าน ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญสูงสุด เป็นอดีตผู้บริหารสูงสุดทั้งนั้นใน ตร. ซึ่งก็ต้องรับฟังความเห็นของพวกท่านเหล่านี้” นายกฯ ระบุ

นายกฯ ยังกล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะดำเนินการฟ้องร้องนายกฯ ว่า เรื่องของการทบทวนแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่ได้นิ่งนอนใจ 3-4 เดือนที่ผ่านมา ทุกคนก็เห็นว่าเราพยายามแก้ไข แต่มีขั้นตอนทางกฎหมายที่ต้องทำ ซึ่งการประชุม ก.ตร. เป็นหนึ่งในขั้นตอนที่ต้องเข้าประชุมเพื่อรับฟัง 

ส่วนกรรมการวินัยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และในส่วนของ ก.พ.ค.ตร. ส่วนตัวก็ไม่ทราบว่าจะเสร็จเมื่อไร และเชื่อว่าถ้าเรื่องเหล่านี้จบลงแล้ว ก็จะสามารถดำเนินการในขั้นตอนต่อไปได้ 

“ผมเข้าใจและเห็นใจทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่ได้มีความลำเอียงเข้าข้างใครคนใดคนหนึ่ง ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย”

เมื่อถามว่าเป็นการขู่หรือไม่ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะดำเนินการฟ้องร้อง นายกฯ ตอบว่า “ผมเข้าใจว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีความเดือดร้อน และร้อนใจ แต่ผมเชื่อว่าในฐานะที่เป็นคนทำงานด้วยกัน เราก็เข้าใจถึงความร้อนใจ และผมเองไม่ได้มองว่าเป็นการขู่ครับ”