"ทักษิณ"ส่งทนายฟ้อง"หมอวรงค์"เรียก 100 ล้าน หมิ่นประมาทปมถุงขนม 2,000 ล้าน
"ทักษิณ" ส่งทนายฟ้อง "หมอวรงค์" เรียก 100 ล้านบาท คดีหมิ่นประมาท ปมถุงขนม 2,000 ล้าน ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง 30 ก.ย. 67 แฉนายตำรวจใหญ่ให้ลูกน้องดึงข้อมูลผิด PDPA หรือไม่
วันนี้ (27 มิ.ย. 67) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความผู้รับมอบอำนาจ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมายื่นฟ้อง นพ.วรงค์ เดชนุกรม ประธานพรรคไทยภักดี เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และดูหมิ่นด้วยการโฆษณา รวม 2 ข้อหา
นายวิญญัติ เปิดเผยว่า ตนเองได้รับมอบหมายจาก นายทักษิณให้มายื่นฟ้องคดี หมอวรงค์ เนื่องจากการรวบรวมพยานหลักฐานและวิเคราะห์จากสิ่งที่หมอวรงค์ได้มีการโพสต์ทางเฟซบุ๊ก และ TikTok รวมถึงการปราศรัยที่เวทีชุมนุมสะพานชมัยมารุเชษฐ์ มีคำพูดที่เข้าข่ายความผิดตามฟ้อง รวม 5 กรรมต่างวาระ ซึ่งเป็นความผิดที่ค่อนข้างชัดเจนสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกัน
มีการกล่าวพาดพิง สื่อให้ประชาชนเข้าใจว่า บุคคลที่พูดถึงคือ นายทักษิณ และพาดพิงถึงบุคคลในกระบวนการยุติธรรม และมีเจตนาให้บุคคลเข้าใจว่า นายทักษิณ วิ่งเต้นคดีด้วยถุงขนม 2,000 ล้านบาท จึงฟ้องร้องใน 2 ข้อหา และเรียกค่าเสียหายกรรมละ 20 ล้านบาท 5 กรรม รวม 100 ล้านบาท
ศาลรับคำฟ้องหมายเลขดำที่ อ. 1961/2567 พร้อมนัดใต่ส่วนมูลฟ้องวันที่ 30 กันยายน 2567 เวลา 9.00 น.
นายวิญญัติ ยังกล่าวว่า แม้ข้อความที่ หมอวรงค์ โพสต์หรือปราศรัยนั้น จะไม่มีการเอ่ยชื่อของ นายทักษิณ โดยตรง แต่ประชาชนทั่วไป รวมถึงสื่อมวลชน เมื่อได้ฟังและอ่านแล้ว เข้าใจได้ว่าคือ นายทักษิณ เพราะมีการระบุวันที่ว่า วันที่ 18 มิถุนายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่นายทักษิณ จะต้องเดินทางมาศาล และติดแฮชแท็กเอ่ยชื่อ ทักษิณ เพื่อเป็นการเน้นย้ำและดึงดูดให้คนสืบค้นได้ง่าย
นายวิญญัติ ระบุว่า การฟ้องครั้งนี้ไม่ใช่การฟ้องปิดปาก แต่เป็นการแสวงหาความจริง และหาความยุติธรรมให้กับ นายทักษิณ ส่วนกรณีที่ หมอวรงค์ บอกว่าไม่กลัว อยากให้นำเอาพยานหลักฐาน ที่มีมาสู้ในชั้นศาล และหากมีแหล่งข่าวคนใดก็สามารถนำมาเป็นพยานได้
ในส่วนประเด็นที่มีการนำข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ เพียงเเต่เขาเเค่เดินทางเฉยๆ เเต่ไปเอาข้อมูลเกี่ยวกับที่นั่งเครื่องบิน เเละรถรับส่ง มาเผยเเพร่ พร้อมข้อความที่ไม่จริง อย่าลืมปัจจุบันมีกฎหมาย PDPA ที่หากมีการนำข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ได้รับอนุญาตมาเผยเเพร่นั้นมีความผิดตามกฎหมาย
“หากสืบได้ว่า มีนายตำรวจคนใดสั่งการให้ลูกน้อง ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหรือไม่ ผมไม่ยืนยัน นำข้อมูลไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจรปิดโดยไม่มีหมายศาล ก็รอดูเลยว่าผู้ถูกกระทำเขาจะใช้สิทธิอย่างไร ก็เเยกดำเนินคดีออกเป็นอีกคดีได้”
นายวิญญัติ กล่าวว่า คดีนี้ที่ฟ้องก็อยากให้ หมอวรงค์ ใช้สิทธิให้เต็มที่ในการเรียกหลักฐานมา ซึ่งหากพบว่า ข้อมูลหลุดมาจากเจ้าหน้าที่รัฐ ตนว่าเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ซึ่งต้องเตรียมรอรับผลเลย