“ทักษิณ”คัมแบ็ค 20 สิงหาคม 2567 ช่วยงานรัฐบาล

17 ก.ค. 2567 | 00:00 น.

“ทักษิณ”คัมแบ็ค 20 สิงหาคม 2567 ช่วยงานรัฐบาล : รายงานพิเศษ โดย..ทีมข่าวการเมือง หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4010

KEY

POINTS

 

  • “ทักษิณ ชินวัตร“จะได้รับใบบริสุทธิ์ และพ้นโทษ 20 สิงหาคม 2567 โดยไม่มีเงื่อนไขใด 

 

  • “วิษณุ เครืองาม”ชี้ “ทักษิณ” สามารถช่วยงานรัฐบาลได้ เป็นสมาชิกพรรคได้ ไม่ถือครอบงำพรรค แต่เป็นนายกฯ ไม่ได้

 

  • พรรคก้าวไกลหวั่น “ทักษิณ”ช่วยงานรัฐบาล เกิดภาพมีนายกฯ 2 คน จะเป็นปัญหาต่อการบริหารราชการแผ่นดินได้

 

กรณีการพ้นโทษของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 ของไทยนั้น แหล่งข่าวใกล้ชิดกับ นายทักษิณ เปิดเผยว่า นายทักษิณ จะพ้นโทษ ในวันที่ 20 ส.ค. 2567 นี้  

นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงขั้นตอนหลัง นายทักษิณ พ้นโทษ ว่า ศาลจะออกหมายปล่อย และจากนั้นจะได้รับ “ใบบริสุทธิ์” ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นประชาชนทั่วไปตามปกติ และไม่มีเงื่อนไขใดๆ 

“ทักษิณ”พ้นโทษตามหลักเกณฑ์  

ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ จะสิ้นสุดการพักโทษในเดือน ส.ค.นี้ และจะได้รับใบบริสุทธิ์ ว่า เรื่องนี้เป็นกระบวนการปกติ การพักโทษ หรือ การปล่อยตัวจะต้องมีหมายศาล ให้ศาลเป็นผู้ออกคำสั่ง หาก นายทักษิณ ครบกำหนดก็ต้องพ้นโทษตามหลักเกณฑ์ ส่วนขั้นตอนในขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ยืนยันว่าเป็นการปฏิบัติตามปกติสำหรับผู้พักโทษ

“แต่โดยหลักการ หากครบกำหนดก็จะต้องไปขอศาลดำเนินการ ศาลก็จะออกหมายพ้นโทษ ส่วนนายทักษิณ ครบกำหนดพ้นโทษวันที่เท่าใดนั้น ผมจำไม่ได้ ทราบแต่เป็นเดือน ส.ค.”

เมื่อถามถึงการพระราชทานอภัยโทษ ในช่วงวันมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษานั้น เบื้องต้นให้กรมราชทัณฑ์ดูหลักเกณฑ์หรือยัง พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่อาจก้าวล่วงได้ เพราะเป็นพระมหากรุณาธิคุณ กระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ เป็นฝ่ายข้อมูลเพียงแค่เตรียมการไว้ แต่อำนาจจริงๆ เป็นของคณะรัฐมนตรี 

ส่วนจะนำเข้า ครม.เมื่อไหร่นั้น ยังไม่ทราบ เพราะไม่อาจก้าวล่วงได้ แต่ทั้งนี้ มีการสำรวจข้อมูลไว้อยู่แล้ว ซึ่งไม่ทราบว่ามีผู้เข้าเกณฑ์เท่าใด เพราะไม่มีหลักเกณฑ์กำหนด

ส่วนกรณี นายทักษิณ ไม่ติดเงื่อนไขอะไรสามารถพักโทษได้ตามปกติใช่หรือไม่นั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ยัง อยู่ที่คณะกรรมการ ส่วนคดีอื่นๆ ของ นายทักษิณ ที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้อง อาทิ คดีมาตรา 112 ปกติจะแยกเป็นแต่ละคดี ไม่นำมารวมกัน เว้นแต่คดีที่มีการตัดสินถึงที่สุด จึงจะนำมารวมกัน

เมื่อถามว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มีการขออภัยโทษมาหรือยัง พ.ต.อ.ทวี ตอบว่า “ยังไม่ทราบรายละเอียด” 

“ทักษิณ”ลุยทำงานหลัง ส.ค.

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2567 นายทักษิณ ได้ไปเป็นประธานอุปถัมภ์โครงการบรรพชาอุปสมบท ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ที่วัดสุวรรณวิจิตร อ.ปราสาท จ.สุรินทร์

อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับประชาชนที่มาร่วมงานตอนหนึ่งว่า “หลังจากเดือน ส.ค.เป็นต้นไป ผมจะขอทำงาน มีรูปธรรมออกมา เพื่อให้เป็นผลประโยชน์ต่อพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ เราต้องให้ความมั่นใจ เป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน"

                              “ทักษิณ”คัมแบ็ค 20 สิงหาคม 2567 ช่วยงานรัฐบาล

“ทักษิณ”ช่วยงานรัฐบาลได้ 

นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ จะพ้นโทษในเดือน ส.ค. จะสามารถเข้ามาช่วยงานรัฐบาลได้หรือไม่ ว่า ถ้ารัฐบาลให้มาช่วยก็ทำได้ เหมือนคนธรรมดาทั่วไป 
เมื่อถามว่านายทักษิณ สามารถรับตำแหน่งอะไรได้บ้าง ถ้ายังมีคดีอยู่

นายวิษณุ ตอบว่า “ไม่ทราบ เอาเป็นว่าในหลักการเป็นได้ทั้งนั้น ยกเว้นสิ่งที่รัฐธรรมนูญห้ามไว้ เช่น มาเป็นรัฐมนตรีไม่ได้ ส่วนอย่างอื่นเป็นได้ แต่ นายทักษิณ จะมาเป็นหรือไม่ ผมไม่รู้ เพราะที่ฟังการให้สัมภาษณ์ นายทักษิณ ก็ไม่ได้บอกว่าจะมาเป็น เพียงแต่บอกว่าจะมาช่วยเท่านั้น ซึ่งการช่วย ช่วยได้หลายสถานะ ไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งอะไรในรัฐบาลก็ได้ มีตำแหน่งลอย ๆ อย่างผมก็ได้” 

เมื่อถามว่าตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ เป็นได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นได้ ถ้าไม่ใช่ตำแหน่งที่ปรึกษาในตำแหน่งทางการเมือง เป็นที่ปรึกษาอุปโลกน์ เมื่อถามย้ำว่าตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯ มีข้อจำกัดหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี ถ้ามีตนก็ติดไปแล้ว 

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า นายทักษิณ สามารถเป็นผู้แทนพิเศษของนายกฯ ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ก็เป็นได้ ถ้าเป็นเฉพาะกิจ เฉพาะคราวเท่านั้น แต่จะมาตั้งแบบผู้แทนทางการค้าไม่ได้ จะทำได้ในลักษณะที่ว่า นายกฯ มอบหมายให้ไปปฏิบัติภารกิจแทน อาจจะให้ไปประเทศนู้นประเทศนี้แล้วกลับ เป็นการชั่วคราว เป็นเฉพาะกิจไป แต่เดี๋ยวเอาไว้ให้ไปถึงเดือน ส.ค.ก่อน แล้วรู้ว่าจะให้มาช่วยหรือไม่ ตอนนั้นค่อยมาพูดกันว่า เป็นได้ หรือ ไม่ได้ ถ้ามาถามตอนนี้ ที่ปรึกษา 370 ตำแหน่งมันพูดยาก”

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายทักษิณสามารถช่วยพรรคได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า อย่างนี้ยิ่งได้ใหญ่เลย เพราะเป็นเรื่องภายในของพรรค ซึ่งพรรคเหมือนกับเป็นเอกชน เมื่อถามว่า จะไม่มีปัญหาเรื่องการครอบงำพรรคใช่หรือไม่ นายวิษณุ ปฏิเสธว่าไม่ พร้อมกับระบุว่า ต้องดูว่านายทักษิณ เป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ ถ้าเป็นสมาชิกพรรคก็ไม่เรียกว่าครอบงำ แต่ถ้าไม่ได้เป็นก็ต้องดูว่านายทักษิณ จะมาทำอะไร 

หวนคืนนายกฯไม่ได้

เมื่อถามว่านายทักษิณ ยังมีคดีมาตรา 112 ค้างอยู่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เป็นไร สมาชิกและผู้บริหารของพรรคก็มีคดีทั้งนั้น ดังนั้น ไม่มีปัญหา รวมถึงไม่ได้ห้ามดำรงตำแหน่งในรัฐบาล 

ส่วนที่ถูกมองในเรื่องของความเหมาะสม นายวิษณุ กล่าวว่า “ก็เอาให้รู้ก่อนว่า นายทักษิณ มาทำอะไร เป็นอะไร แล้วค่อยมาพูดว่าอันนั้นเป็นได้หรือไม่”

เมื่อถามว่าการมาดำรงตำแหน่งของนายทักษิณ จะไม่ทำให้ประชาชนสับสนว่า มีนายกฯ กี่คน ใครเป็นนายกฯ กันแน่ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ผมไม่เห็นจะสับสนอะไร ผู้สื่อข่าวสับสนกันเอง ซึ่งผมคิดว่าเจ้าตัวไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น และในอดีตก็มีเรื่องทำนองนี้ หรือมีผู้มีบารมีในพรรคออกมาช่วยงานรัฐบาล ก็เคยมีมาแล้ว 

ยกตัวอย่างในสมัยช่วงยึดอำนาจทั้งช่วง คสช. และ รสช. ที่ดำรงตำแหน่งทั้ง นายกฯ และ หัวหน้า คสช. รวมถึงในช่วง พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ตอนนั้น นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกฯ และอำนาจของหัวหน้า รสช. ยิ่งใหญ่กว่า นายกฯ เสียอีก”

ผู้สื่อข่าวถามว่าในอนาคตนายทักษิณ จะสามารถกลับมาเป็นนายกฯ หรือ ลงเลือกตั้ง ได้อีกหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ได้ หากยึดตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่หากมีการร่างใหม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง  

หวั่นภาพมีนายกฯ 2 คน  

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ นายทักษิณ เตรียมตัวเข้ามาทำงานในช่วงเดือน ส.ค. หลังการพ้นโทษอย่างเป็นทางการ ว่า เป็นสิทธิของ นายทักษิณ ที่ทำได้ หากเป็นไปตามกฎหมาย ทั้งนี้การตั้งดังกล่าวหากเป็นจริงต้องไม่ขัดกับกฎหมาย 

“แต่ไม่ทราบรายละเอียดต้องไปพิจารณาอีกครั้งว่า ทำได้มากน้อยแค่ไหน ในทางการเมืองมีฝ่ายที่คัดค้านกับบทบาทของ นายทักษิณ แต่หาก นายทักษิณ มีความรับผิดชอบบางอย่าง อย่างเป็นทางการและตามกฎหมาย พรรคก้าวไกลฐานะฝ่ายตรวจสอบพร้อมจะตรวจสอบอำนาจการใช้งบประมาณว่าถูกต้องหรือไม่”

นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า มุมมองส่วนตัวถึงบทบาทของ นายทักษิณ ที่ลงพื้นที่และมีรัฐมนตรีเดินตาม ทำให้เกิดคำถามว่า ใครคือนายกฯ ตัวจริง เพราะเมื่อมีรัฐมนตรีเดินตาม นายทักษิณ ไม่ส่งผลดีต่อนายเศรษฐา ทวีสิน อย่างแน่นอน เพราะทำให้สภาวะความเป็นผู้นำของนายเศรษฐา ลดลงเรื่อยๆ

ส่วนการเดินสายของนายทักษิณ มีมิติที่ส่งสัญญาณใดๆ ในทางการเมืองหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คนที่เฝ้ามองการเมือง คงคิดมากพอสมควร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ก็อาจจะเชื่อมโยงทางการเมืองได้

ทั้งนี้ฐานะที่เป็น ส.ส.ทำงานในสภา ให้ความสำคัญกับประเด็นการทำงาน หากต้องเปลี่ยนแปลงนโยบาย หรือ ดำเนินนโบายบางอย่างเพื่อประโยชน์ประเทศ ประชาชน ต้องคุยกับใคร

“เป็นเรื่องสำคัญของประเทศ หากมีลักษณะ ที่มีนายกฯ สองคน จะมีปัญหาต่อการบริหารราชการแน่นอน เช่น สมัยก่อนที่เมียนมา พบว่า มี อองซาน ซูจี เป็นผู้ที่มีบทบาท แต่เป็นนายกฯ ไม่ได้ ซึ่งเป็นภาวะที่ดูไม่ปกติ ผมไม่รู้ว่า คุณทักษิณคิดโมเดลแบบนี้หรือไม่ แต่หากไม่ว่าจะใช้โมเดลไหน ประเทศมีปัญหาแน่นอน” นายรังสิมันต์ กล่าว

ไม่หวั่นแย่งชิงมวลชน 

เมื่อถามว่ามีคนมองว่าการเดินสายของ นายทักษิณ คือ การช่วงชิงมวลชนจากก้าวไกล นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การแข่งขันเพื่อชิงมวลชน หรือ นโยบายเป็นเรื่องต้องแข่งกันทั้งสองพรรค และเป็นธรรมดาของการเมือง 

อย่างไรก็ดี การทำแบบนั้นต้องว่าไปตามกติกา ยืนยันว่าในมุมมองส่วนตัวต้องการเห็นประเทศเดินหน้า พัฒนา ฐานะฝ่ายค้าน มีบทบาทตรวจสอบ เสนอแนะ รัฐบาลทำหรือไม่บังคับไม่ได้ อยู่ที่รัฐบาลพิจารณา และสังคมส่งเสียง หาก นายทักษิณ ประสงค์ใช้อำนาจต้องอยู่ภายใต้การตรวจสอบของฝ่ายค้านเช่นเดียวกัน