วันนี้ (14 ส.ค. 67) ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4)ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5 )
จากกรณีถูกกล่าวหากระทำการเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง เนื่องจากนำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน ซึ่งเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ในคดีสินบนถุงขนม 2 ล้าน เมื่อปี 2551 ให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ส่งผลให้ นายเศรษฐา พ้นจากตำแหน่งนายกฯ และ ครม.พ้นไปทั้งคณะ ทำให้ต้องมีการจัดตั้งรัฐบาล และโหวตเลือก นายกฯ กันใหม่ ในสภาผู้แทนราษฎร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ความเคลื่อนไหวในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ยังคง “ฝุ่นตลบ” เพราะมีรายงานว่า แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้หารือกันที่ “เซฟเฮ้าส์” แห่งหนึ่ง เพื่อเสนอชื่อนายกฯ คนใหม่ ที่มีแคนดิเดตอยู่ 2 คนคือ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ นายชัยเกษม นิติสิริ
เบื้องต้นมีรายงานว่า พรรคเพื่อไทย อาจจะเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ ให้เป็นนายกฯ คนที่ 31 แต่ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่เห็นด้วย ก็อาจเสนอชื่อ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ให้ขึ้นเป็นนายกฯ
ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า บรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ก็ได้รวมตัวกันหารืออยู่ในสถานที่อีกแห่งหนึ่ง คาดว่าเป็นการหารือเพื่อต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี
สำหรับพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน มีด้วยกัน 11 พรรค ส.ส.รวม 314 คน ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 141 เสียง, พรรคภูมิใจไทย 70 เสียง, พรรคพลังประชารัฐ 40 เสียง, พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง, พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง, พรรคประชาชาติ 9 เสียง, พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง, พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง, พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง, พรรคพลังสังคมใหม่ 1 เสียง, พรรคท้องที่ไทย 1 เสียง และพรรคใหม่ 1 เสียง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยขณะปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ประเทศคาซัคสถาน ภายหลังรับทราบคำตัดสินคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นสภาพการเป็นนายกรัฐมนตรีส่งผลให้ ครม. สิ้นสภาพทั้งคณะ ว่า ได้พูดคุยกับนายเศรษฐา โดยได้แสดงความเสียใจและเสียดายในความตั้งใจที่จะทำงานของนายกฯ แต่ก็เคารพต่อคำวินิจฉัยของศาล
ขั้นตอนต่อจากนี้ ตนในฐานะรองนายกฯ อันดับหนึ่ง จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี โดยในวันนี้ ได้มีการเปลี่ยนเที่ยวบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยทันที หลังเสร็จสิ้นภารกิจการพบหารือกับนายกรัฐมนตรีคาซัคสถานเป็นภารกิจสุดท้าย ซึ่งจะเดินทางประเทศไทยในช่วงเช้าวันที่ 15 สิงหาคมนี้
นายภูมิธรรม กล่าวว่า สิ่งที่ต้องรีบดำเนินทันที 3 ด้าน คือ การประชุม ครม. ประชุมพรรคเพื่อไทย และหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อหารือแนวทางการทำงาน อย่างไรก็ตาม ตนก็มีความเป็นห่วงต่อนโยบายที่ค้างอยู่ไม่ว่าจะเป็นโครงการดิจิตอลวอลเล็ต และการจัดทำงบประมาณ ปี 68 ซึ่งเรื่องนี้ตนก็กังวล ก็จะไปหารือกับพรรค ในรายละเอียดต่อไป
นายภูมิธรรม กล่าวว่า สำหรับการประชุมกับสมาชิกพรรคเพื่อไทย จะหารือเกี่ยวการหาแคนดิเดตนายรัฐมนตรีของพรรค ที่ตอนนี้มีอยู่ 2 รายชื่อ คือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และ นายชัยเกษม นิติสิริ โดยขณะนี้พรรคมีบุคคลที่มีศักยภาพพร้อมอยู่ 2 คน ซึ่ง นายชัยเกษม ก็รับทราบว่า มีสุขภาพกลับมาแข็งแรงแล้ว ที่ผ่านมาก็เข้ามาปฏิบัติช่วยทำงานกับพรรคมาโดยตลอด
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะมาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าพึ่งคิดไปไกลเกินขนาดนี้ ก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมายไปก่อน และจะนานแค่ไหน ตนไม่ทราบขึ้นอยู่กับประชุมรัฐสภา
ส่วนประเด็นคำถามที่ว่าจะต้องมีการหารือเรื่องนี้กับ นายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน เพราะทุกอย่างต้องรอมติของกรรมการบริหารพรรคจากนี้ไปก็เป็นการบริหารจัดการร่วมกันของพรรค ซึ่งจะต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ ขณะที่นายกฯ คนใหม่ ก็ต้องให้สภาเป็นคนตัดสินใจ เพราะเป็นกลไกตามกฎหมาย