เทียบฟอร์ม "ชัยเกษม-เเพทองธาร" แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ในมุมมองเอกชน

15 ส.ค. 2567 | 23:00 น.

เทียบฟอร์ม "ชัยเกษม-เเพทองธาร" แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ในมุมมองเอกชน หลังเศรษฐา ทวีสินถูกถอดถอนจากตำแหน่ง เกรียงไกรชี้ชัยเกษมเป็นนักกฎหมาย มีประสบการณ์ และเป็นผู้ใหญ่ ด้านอุ๊งอิ๊งเป็นคนรุ่นใหม่เชื่อมต่อได้ทุกรุ่น มีทักษิณเป็นพี่เลี้ยง

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงประเด็นเรื่องของตัวเต็งที่เป็นแคนดิเดตตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คนที่ 31 ของประเทศไทย ว่า หากให้เปรียบเทียบความสามารถว่าที่นายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยระหว่าง นายชัยเกษม นิติสิริ กับนางสาวเเพทองธาร ชินวัตร นั้น 

ในความคิดเห็นส่วนตัวมองว่านายชัยเกษมถือว่าเป็นนักกฎหมาย มีประสบการณ์ และเป็นผู้ใหญ่ มีความใกล้ชิดกับระบบราชการมายาวนาน แต่ในในมุมธุรกิจอาจไม่เก่งเท่านายเศรษฐา ทวีสิน 

อย่างไรก็ดี ด้วยอายุและสุขภาพที่หลายคนยังมีความกังวล โดยทราบจากสื่อตลอดว่าท่านยังไม่ค่อยแข็งแรงเท่าใดนัก หากต้องเผชิญการทำงานที่หนักก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ ถือว่าคนละสไตล์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะทำงานไม่ได้ จึงอาจจะต้องดูทีมที่จะมาทำงานแทนว่าจะเป็นอย่างไร
 

ด้านนางสาวแพทองธาร อาจจะด้อยกว่าในด้านประสบการณ์ที่เพิ่งเข้ามาในวงการทางการเมือง ซึ่งถือว่าใหม่ในช่วง 1 ปี อาจจะต้องใช้เวลาในการยอมรับ แต่ด้วยข้อดีของการที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่สามารถเชื่อมต่อได้ระหว่างเด็กวัยรุ่น กับผู้สูงอายุ ถือว่าเป็นข้อต่อที่ดี และมีพลังสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง คือ นายทักษิณ ชินวัตร ที่คอยเป็นพี่เลี้ยงใกล้ชิดที่สุด 

เทียบฟอร์ม "ชัยเกษม-เเพทองธาร" แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ในมุมมองเอกชน

นายชัยเกษม มีจุดเด่นด้านนักกฎหมาย คลุกคลีในวงการเมืองมานาน ส่วนนางสาวแพทองธาร คือว่ามีจุดเด่น คือ สด ใหม่ เป็นคนรุ่นใหม่ เป็นโซ่ข้อกลางที่ดีเชื่อมระหว่างเด็กรุ่นใหม่ แต่ในลักษณะผู้นำทั้งคู่ถือว่าอยู่ในพรรคเดียวกันคือ เพื่อไทย ที่ทำงานมีระบบอยู่แล้ว มีทีมงานที่คอยช่วยมาจากทีมเดิมทั้งเป็นผู้ช่วย กำกับ และเป็นโค้ช 

ขณะที่ในเชิงนโยบายมองว่า หากเป็นพรรคเดิมที่มาเป็นผู้นำ อย่างน้อยยังเชื่อว่านโยบายหลายอย่างยังคงจะต่อเนื่องในหลายโครงการ แต่แน่นอนว่าอาจจะไม่ใช่ทุกโครงการ เพราะจากเวลาหนึ่งสู่เวลาหนึ่ง และจากเงื่อนไขหนึ่งสู่เงื่อนไขหนึ่ง บางโครงการที่อาจจะมีความเสี่ยงหรือล่อแหลมต่อเรื่องของการผิดกฎหมาย หรืออาจเสี่ยงถูกฟ้องร้องนำไปสู่การถูกดำเนินคดีต่างๆ ก็อาจจะต้องทบทวน
 

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า จากคดีทางการเมืองต่างๆ ของพรรคเพื่อไทย ได้เห็นชัดคือ ล่าสุด คดีของนายเศรษฐา ทวีสิน การใช้กฎหมายต่าง ๆ ถือเป็นจุดอ่อนทำให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 

อีกทั้ง จากประสบการณ์พรรคตั้งแต่ต้นจนล่าสุดคงจะต้องพยายามเลี่ยงอะไรที่มีความเสี่ยงด้านกฎหมาย ที่ผ่านมานายกฯ ของกลุ่มเพื่อไทยถูกฟ้องในคดีต่าง ๆ จนต้องหลุดจากเก้าอี้ ถือเป็นการสุ่มเสี่ยง ซึ่งนายชัยเกษม ก็จะต้องระมัดระวังด้านกฎหมายเป็นพิเศษ