วัชระเตือน นายกฯอุ๊งอิ๊ง ตั้ง“เอกนัฏ-สันติ”นั่งรัฐมนตรี ระวังผิดจริยธรรม

23 ส.ค. 2567 | 06:48 น.
อัพเดตล่าสุด :23 ส.ค. 2567 | 06:58 น.

“วัชระ”ยื่นหนังสือเตือน “อุ๊งอิ๊ง”ปมตั้ง “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์”นั่งรมต. เคยต้องคดีไม่ถึงที่สุด อัศจรรย์ใจแอบเป็นพยานให้ ”ทักษิณ” คดี ม. 112 ส่วน “สันติ”ถูกกล่าวหาทุจริตสอบม.รามคำแหง ระวังผิดจริยธรรมร้ายแรง

วันนี้ (23 ส.ค. 67) นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือแจ้งข้อมูลบุคคลที่ถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี ให้ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อประกอบการตัดสินใจ ในการแต่งตั้งรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล 

นายวัชระ เปิดเผยว่า ตามที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ทำหนังสือถึง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช. ได้เสนอชื่อ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เนื่องจากไม่มีคดีความติดตัวแล้วและพรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อนายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นรัฐมนตรีนั้น

 

การเสนอชื่อ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ของพรรครวมไทยสร้างชาติและการเสนอชื่อ นายสันติ พร้อมพัฒน์ ของพรรคพลังประชารัฐ เป็นรัฐมนตรีเป็นสิทธิ์ของพรรคการเมือง แต่ข้าพเจ้าในฐานะประชาชนผู้เสียภาษีขอส่งข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีดังนี้

1. คดี กปปส. คดีหมายเลขดำ อ.247/2561 หมายเลขแดง อ.317/2564 ศาลอาญา ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ จำเลยที่ 9  จำคุก 1 ปี โดยรอลงอาญาและโทษปรับเงิน 13,333 บาท ได้ประกันตัว ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับยกฟ้อง  

ตามระเบียบการดำเนินคดีอาญาของสำนักงานอัยการสูงสุด ถ้าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาแตกต่างกัน กล่าวคือ คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง โดยระเบียบดังกล่าวอัยการต้องมีคำสั่งฎีกาเพื่อให้ศาลฎีกาตัดสินชี้ขาด ดังนั้น คดีนี้จึงยังไม่ถึงที่สุด ตามที่นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคกล่าวอ้าง

2. คดีของนายทักษิณ ชินวัตร ในข้อกล่าวหาฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 โดยอัยการมีคำสั่งฟ้องเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 และเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ศาลประทับรับฟ้องไว้ตามหมายเลขคดีดำที่ อ.1860/2567 

ปรากฏเรื่องอัศจรรย์ทางจริยธรรมว่า ก่อนที่อัยการสูงสุดจะมีคำสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาอ้าง นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นพยานในชั้นอัยการ และนายเอกณัฏ ได้ไปให้การในสำนวนคดีนี้ว่า ที่ นายทักษิณ พูดที่ประเทศเกาหลีใต้ ไม่เข้ามาตรา 112 

เหตุใดนายเอกนัฏ จึงไปเป็นพยานให้นายทักษิณฯ ทั้ง ๆ ที่เคยเป็นเลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยโดยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) “เป่านกหวีด” ประท้วงขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณมาตลอดชีวิตจนสมาชิก กปปส. ล้มตายและบาดเจ็บจำนวนมาก 

แล้วเหตุใดจึงไปเป็นพยานให้ นายทักษิณ ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอีก จะได้ชื่อว่าเป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์อันเป็นคุณสมบัติของรัฐมนตรี หรือ ผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่

3. ส่วนกรณีนายสันติ พร้อมพัฒน์ จากพรรคพลังประชารัฐปรากฏข่าวว่า เคยถูกมหาวิทยาลัยรามคำแหงลงโทษลบชื่อออกจากทะเบียนนักศึกษา ตามคำสั่งมหาวิทยาลัยรามคำแหงที่ 1170/2542 ลงวันที่ 4 สิงหาคม 2542 เนื่องจากในการสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2541 หัวหน้าตึกสอบ PRA 201 รายงานว่าในการสอบกระบวนวิชา PY 103 เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2542 คาบสอบที่ 1 ได้ตรวจพบว่า นายสันติ พร้อมพัฒน์ รหัสประจำตัว 4106562624 ได้ให้บุคคลอื่นเข้าสอบแทน

โดยการปลอมบัตรประจำตัวนักศึกษาและใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลตลอดชีพของกรมการขนส่งทางบก และใช้เป็นหลักฐานในการเข้าสอบ ปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย จึงเป็นการฝ่าฝืนและผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงซึ่งขนาดการศึกษายังกระทำการทุจริต ดังนั้นการบริหารงานให้ประเทศชาติและประชาชนจึงเป็นเรื่องน่าสงสัยในความซื่อสัตย์สุจริตโดยพลัน 

“ผมถือว่าได้แจ้งให้ คุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทราบล่วงหน้าก่อนการประกาศแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีของท่านแล้ว" นายวัชระ กล่าว