สปอตไลท์จึงจับจ้องไปที่ “แพทองธาร ชินวัตร” ในฐานะผู้นำรัฐบาล
ตลอด 1 ชั่วโมงเศษ หลายคนอาจจะชื่นชมในความตั้งใจและความพยายามในการนำเสนอนโยบายอย่างเต็มที่ แต่หลายคนก็อาจจะหงุดหงิดใจ กับการอ่านข้อมูลแบบถูกบ้าง ผิดบ้าง
“ดร.ธีรพันธ์ โล่ห์ทองคำ” หรืออาจารย์ธี นักวิชาการอิสระด้านกลยุทธ์การสื่อสาร ผู้เชี่ยวชาญในวงการการสื่อสารและยังมีความรู้ด้านจิตวิทยา ได้วิเคราะห์แลกเปลี่ยนมุมมองกับ “ฐานเศรษฐกิจ” การแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของ “แพทองธาร ชินวัตร” อย่างน่าสนใจ
1. ในแง่ของวัยวุฒิที่ยังน้อย ประสบการณ์น้อย การพูดในห้องประชุมทางการครั้งแรก และเป็นเรื่องนโยบายภาพใหญ่ของประเทศ เป็นเรื่องยากของผู้ที่ไม่มีประสบการณ์เลย และไม่เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร์ (สส.) มาก่อน ไม่เคยเข้ามาในรัฐสภา ด้วยบริบท ด้วยบรรยากาศต่างๆ ย่อมต้องตื่นเต้น สำหรับการทำครั้งแรกด้วยวัยขนาดนี้ถือว่าดีในระดับหนึ่ง
2. การพูด เว้นวรรคตอน ถือว่าใช้ได้ มีความชัดเจน คล่องแคล่ว ระหว่างพูดมีการใช้สื่อ (ภาพ) ประกอบ ทำให้เรื่องยาวๆ ดูไม่น่าเบื่อ ถือว่าทีมงานเตรียมมาดี และมีการซักซ้อมมาพร้อม
ในอีกด้าน มีสิ่งที่บ่งบอกถึง “ความเครียด” (Stress) และ "วิตกกังวล" (Panic) อย่างเห็นได้ชัดเจน คือ
1. มีการกระแอมบางช่วง ซึ่งบ่งบอกว่า พูดไม่ออก กังวล เครียด และแก้ปัญหาโดยการหันไปจิบน้ำ และกลับมาพูดใหม่ ซึ่งหากเป็นผู้ที่มีประสบการณ์สูง จะหันมากล่าว “ขอโทษ” และพูดต่อ
2. ค่อนข้างร้อนรนในบางช่วง ดูได้จากเสียงที่ตะกุกตะกัก
3. ด้านภาษาพูด Tone of voice ไม่มีน้ำเสียงหนัก เบา ดูเป็นการอ่านมากเกินไป
4. การพูดคำนั้นๆซ้ำ ซึ่งการพูดซ้ำเป็นการบ่งบอกว่า คำแรกนั้นผิด ทำให้ผู้ฟังรับรู้ว่า ท่อนแรกพูดผิด และผู้ฟังอาจจะคิดได้ว่า ทั้งๆที่อ่าน ทำไมยังพูดผิด ซึ่งบางคำความหมายไม่ได้แตกต่าง มีความหมายเดียวกัน ก็สามารถปล่อยผ่านไปได้ ไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำ เช่น คำว่า “วินัยการเงิน” กับ “วินัยทางการเงิน” , “รัฐบาลจะส่งเสริม” กับ “รัฐบาลจะเร่งส่งเสริม” ซึ่งหากเป็นตัวเลขผิดก็ควรพูดซ้ำ แต่กรณีข้อความที่มีความหมายเหมือนกัน ก็ไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำ
5. ผู้พูดมีอาการเกร็งกับเนื้อหามากไป กังวลเรื่องของเนื้อหามากเกินไป ซึ่งความกังวลหรือการเกร็งในลักษณะนี้ สามารถเกิดขึ้นได้ ทำให้เกิดการพูดผิด พูดซ้ำ หรือเว้นวรรคตอนผิด เช่น ผู้ประกอบ กิจการ ฯลฯ
6. มีเสียงกลืนน้ำลายในบางช่วง แสดงว่าการพูดมีอาการติดขัด และมีความเครียด กังวลสูง
7. การพูดคำผิด หรือเนื้อหาไม่ครบถ้วน เช่น ภูมิปัญญา (อ่านเป็น ภู – มิ – ปัญ – ญา) ซึ่งเป็นคำที่ใช้โดยทั่วไป การควบคุมโรคไม่ติดต่อ ซึ่งคนทั่วไปอาจะเข้าใจว่า “โรคไม่ติดต่อแล้วจะไปควบคุมทำไม” ซึ่งสาระสำคัญที่แท้จริงคือ การควบคุมโรคไม่ติดต่อ (เรื้อรัง) เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ฯลฯ เป็นโรคที่คนไทยป่วยจำนวนมาก ทำให้ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลสูง เป็นต้น
8. ขาดภาษากาย (Body Language) ในการสื่อสาร และขาด eye contact
9. การเรียบเรียงข้อมูลของทีมงาน ส่งผลต่อความเข้าใจของผู้ฟัง เช่น ประเด็น Soft Power ในเนื้อหามีการพูดถึง ศิลปะการแสดงไทย ดนตรีไทย ผสมผสานกับศิลปะร่วมสมัย และสุราชุมชน ... อาจสร้างความเข้าใจที่ผิดได้ ซึ่งผู้เรียบเรียงมีส่วนสำคัญต่อภาพลักษณ์ของนายกรัฐมนตรี
ในฐานะนักวิชาการด้านกลยุทธ์การสื่อสาร ย่อมไม่พลาดที่จะ เสนอแนะแนวทางในการจัดการเมื่อต้องอยู่ในภาวะวิกฤต ได้แก่
หากต้องให้คะแนนนายกรัฐมนตรีหญิงที่อายุน้อยที่สุดของไทย กับการแถลงนโยบายคณะรัฐมนตรี เป็นครั้งแรก
อาจารย์ธี กล่าวว่า "ขอให้ 7-8 คะแนนจาก 10 คะแนน เพราะถือว่า ทำได้ดีในระดับหนึ่งกับการปฏิบัติภารกิจ ภายใต้วัยวุฒิ และประสบการณ์ที่จำกัด กับการพูดในที่สาธารณะ (Public Speaking)"
ยกแรก ถือว่า สอบผ่าน...