KEY
POINTS
คดี “ดิไอคอนกรุ๊ป” นอกจากพนักงานสอบสวนจะดำเนินคดีกับ “บอส” ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาและถูกจับกุมตัว 18 ราย ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์แล้ว กรณีนี้ได้บานปลายไปสู่ “แวดวงการเมือง” ที่ถูกโยงมีส่วนพัวพันกับดิไอคอนกรุ๊ป จนนำไปสู่การออกมาแฉชื่อย่อ “นักการเมือง” ที่เกี่ยวข้องหลายคน
เงินเข้าบัญชีแม่นักการเมือง ส.
ขณะที่ในส่วนของการดำเนินคดี “บอส” ทั้งหลาย และการขยายผลไปสู่ผู้ร่วมกระทำผิดคนอื่นๆ นั้น ตอนนี้ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ส่งคดี บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ไปให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับไม้ต่อ
โดยมีการตั้งคณะอนุกรรมการดีเอสไอ ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมรวบรวมพยานหลักฐาน และมีรายงานว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้สรุปผลเบื้องต้นของรูปคดีดิไอคอนกรุ๊ป ว่า “เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่”
ขณะเดียวกัน มีการสอบสวนเส้นทางการเงินของ “บอสพอล” วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้ก่อตั้งดิไอคอนกรุ๊ป เพื่อหาข้อมูลว่ามีการโอนเงินให้กับบุคคลใดบ้าง โดยพบว่า ตั้งแต่ปี 2564 นายวรัตน์พล ได้โอนเงิน เดือนละ 1 แสนบาท บางเดือน 4-5 แสนบาท รวมยอดสะสม 2.5 ล้านบาท เข้าไปยังบัญชีของ “แม่นักการเมือง ส.”
หลังจากนี้ คณะอนุกรรมการดีเอสไอ จะพิจารณาผลสอบเส้นทางการเงินของ “บอสพอล” เพิ่มเติม หากพบว่ามีบุคคลใดที่มีลักษณะการโอนผิดสังเกตจะเรียกตัวมาชี้แจงทันที ก่อนจะส่งข้อมูลทั้งหมดไปยังดีเอสไอชุดใหญ่
แฉ 6 นักการเมืองพันดิไอคอน
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2567 พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ได้ออกมาระบุถึงขบวนการดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งเป็น “เทวดา” ตัวจริงว่า หากดูสตอรี่จะพบว่า เบอร์หนึ่ง คือ บอสพอล เบอร์สอง คือ บอสแซม ซึ่งเป็นอดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. และผู้สมัคร สส. กทม. เขต 14 พรรคเพื่อไทย
นอกจากนี้ หนึ่งในผู้ให้การสนับสนุน บริษัท ดิไอคอน ยังเป็นเจ้าของรายการ และเป็นพิธีกรรายการที่เกี่ยวข้องกับคนอายุน้อย ใช้ชื่อว่า “บอสก้อง” เคยนำผู้บริหารของบริษัท ดิไอคอน มาออกรายการ และเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนไปสมัครเป็นสมาชิกของบริษัท โดย “บอสก้อง” ยังเป็นผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทย และมีความสนิทสนมกับผู้ใหญ่ของพรรคเพื่อไทย มีการลงทุนในบางกิจกรรมร่วมกันด้วย
พล.ต.ท.ปิยะ ระบุต่อว่า หากย้อนกลับไปดูข้อมูลปี 2562-2567 จะพบว่า ประธานคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร อักษรย่อ ม. มาจากพรรคเพื่อไทย จังหวัดชัยภูมิ เลขาคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ขณะนี้ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการในคณะรัฐมนตรีของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ไม่ทราบว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้สืบสวนสอบสวนเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาหรือไม่
โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ยังเปิดชื่อย่อ “เทวดา” ที่เกี่ยวข้องกับดิไอคอนกรุ๊ป ประกอบด้วย “ก. ธ. ส. ต. อ. ม.” โดยบุคคลทั้ง 6 คน มีความใกล้ชิดและเกี่ยวข้องกับนักการเมืองที่ร่วมรัฐบาล เป็นนักการเมืองที่อยู่ในพรรคเพื่อไทย เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น “ส. ฮ. ด.” เดาไม่ยากว่าเทวดาที่อยู่ข้างหลังเป็นใคร
“จากประวัติของ นายสามารถ (เจนชัยจิตรวนิช) เมื่อปี 2557 เป็นผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์ของกลุ่มสามมิตร ปี 2562 ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม จึงเป็นที่มาเสียงในคลิปต่าง ๆ ที่บอกว่าสามารถแต่งตั้งบุคคลให้เข้าดำรงตำแหน่งในกรมสอบสวนคดีพิเศษได้” พล.ต.ท.ปิยะ ระบุ
เฉลยนักการเมืองถูกแฉ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ถูกกล่าวหาว่าปรากฏคลิปเสียงนักการเมืองเรียกรับทรัพย์จากดิไอคอนกรุ๊ป จนนำไปสู่การลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ
จากตัวละครที่โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ปูดออกมานั้น ไล่เรียงดูรายชื่อใน กมธ.คุ้มครองผู้บริโภค ชุดที่แล้ว น่าจะหมายถึง “มานะ โลหะวณิชย์” อดีตสส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย
ส่วน“รมช.”ในรัฐบาลนี้ คือ “ม.” มนพร เจริญศรี รมช.คมคม ซึ่งเป็นเลขานุการกมธ.ชุดดังกล่าว
“มนพร”ชี้แจงข้อเท็จจริง
นางมนพร เจริญศรี สส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรมช.คมนาคม ออกมาชี้แจงถึงกระแสข่าวถูกพาดพิงว่าเป็นเทวดาอักษรย่อ “ม.” ในกมธ.คุ้มครองผู้บริโภค และเกี่ยวข้องกับคดีดิไอคอน
โดย นางมนพร พา นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ซึ่งเป็นกรรมาธิการขณะนั้นและปัจจุบัน มาร่วมสัมภาษณ์ ยืนยันข้อเท็จจริง พร้อมนำเอกสารแจ้งผลดำเนินการไกล่เกลี่ยเรื่องร้องทุกข์จากผู้เสียหายมาให้ผู้สื่อข่าวดู
ทั้งนี้เอกสารดังกล่าว มีสาระสำคัญว่า เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2566 กมธ.คุ้มครองผู้บริโภค ตั้งคณะอนุ กมธ. มี นางมนพร เป็นประธานหารือเรื่องร้องทุกข์จากหญิงคนหนึ่งที่ร้องเรียนว่า บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป ชักชวนให้สมัครสมาชิก และซื้อสินค้า เป็นยาสีฟัน 211,115 บาท แต่กลับได้ยาสีฟันเพียงแค่ 50 หลอด
ผลดำเนินการของอนุ กมธ.พบว่า ส่งเรื่องให้สำนักคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ไกล่เกลี่ย และทั้งคู่เจรจากันได้ โดยบริษัท ดิ ไอคอนกรุ๊ป คืนเงินทั้งหมด
ยอมรับ“ม.”คือตัวเอง
นางมนพร กล่าวด้วยว่า ตัวย่อ ม. สองตัวนั้น ม. ตัวแรกคงหมายถึง นายมานะ โลหะวณิชย์ อดีต สส.พรรคเพื่อไทย จ.ชัยภูมิ และ ม. ตัวที่สองคือ นางมนพร หรือ ตัวเอง ยืนยันว่า กมธ.ขณะนั้นดำเนินการตามขั้นตอน ไม่มีการดอง หรือพยายามให้จบเรื่อง เมื่อประชาชนเดือดร้อนต้องการเงินคืน เราก็เร่งเอาเงินคืนให้ผู้ร้อง ซึ่งเราได้ใช้เวลาพิจารณาประมาณ 1 เดือนหลังรับเรื่อง
ทั้งนี้ ในฐานะเป็น สส.ของพรรคเพื่อไทย มองว่าคนที่ให้ข่าว เขายังไม่เข้าใจระบบ เพราะอำนาจของ กมธ.ไม่ใช่การเอาถูกหรือผิด ตอนนั้นตนเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่พรรคพลังประชารัฐ เป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลด้วยซ้ำ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องไปสืบค้นต่อว่า บริษัทนี้ มีลักษณะฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ต้องไปตรวจสอบว่า สินค้ามีคุณภาพหรือไม่อย่างไร
“อยากตั้งข้อสังเกตว่า ขณะที่เขาเป็นพรรครัฐบาล ทำไมจึงปล่อยให้ปัญหาเกิดขึ้นเรื้อรัง ทำให้ประชาชนเดือดร้อนอยู่อย่างนี้” นางมนพร ระบุ
“สรวงศ์”ปัดเพื่อไทยไม่เกี่ยว
ด้านนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ตอบโต้พรรคพลังประชารัฐว่า ที่เขาไม่กล้าเอ่ยชื่อบุคคล เพราะกลัวถูกฟ้อง แต่มาเน้นชื่อพรรคเพื่อไทย ที่เป็นองค์กร แบบนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง และขออย่าตีกินทางการเมืองเช่นนี้
“เราจะไม่ยอมแล้ว เพราะทนมาหลายครั้งกับการเอ่ยชื่อพรรคเช่นนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ต้องพิสูจน์กันต่อไป อีกทั้ง สิ่งที่เกิดขึ้น ก็เกิดในสมัยที่พรรคเขาเป็นรัฐบาล ชื่อที่อ้างมาก็เคยอยู่ในพรรคเขาทั้งสิ้น จะมาโยนว่าตอนนี้อยู่พรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยเกี่ยวอะไร”
นายสรวงศ์ กล่าวด้วยว่า จะให้ฝ่ายกฎหมายตั้งคณะกรรมการเพื่อเอาผิด เพราะถือเป็นการกล่าวหาพรรคการเมืองว่ามีส่วนร่วม และขอพูดตรงๆ ว่าการกระทำแบบนี้ เป็นเครื่องยืนยันชัดเจนว่าด้วยนิสัยแบบนี้ เราจึงร่วมงานกันไม่ได้
พท.เปิดศึกฟ้องโฆษก พปชร.
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย เตรียมพิจารณาดำเนินคดี พล.ต.ท.ปิยะ ว่า ทางฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยคงต้องพิจารณา เพราะช่วงนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ แบบไม่อยู่บนพื้นฐานของความจริง และหลายเรื่องเข้าข่ายลักษณะให้ร้ายป้ายสี หากเกิดความเสียหายก็ต้องฟ้องร้องกัน เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน
“ผมไม่มั่นใจว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการเบี่ยงเบนประเด็นของตัวเองหรือไม่ จึงอยากให้พิจารณาให้ถ่องแท้ อะไรที่เกินเลยไป ก็ต้องว่ากันตามกระบวนการกฎหมาย ...มองว่ามีการจินตนาการกันไปมาก หากเกี่ยวพันกับใครคนนั้นต้องรับผิดชอบ”
ส่วนที่มีการพูดถึงกลุ่มสามมิตร ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับนักการเมืองอักษรย่อ ส. นายภูมิธรรม ยืนยันว่า ไม่ทราบ ขอให้ไปว่ากันเอง เกี่ยวข้องกับใครก็ชี้แจงเอง แต่ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
“ไม่อยากเดาว่าเป็นใคร เช่น ส. หรือ ม.เป็นใคร เพราะมีเป็นร้อย ผมไม่อยากเดา หากมีรายชื่อชัดก็ส่งหนังสือมาถึงพรรคได้เลย ว่ามีพฤติกรรมอย่างไร เราจะตั้งกรรมการสอบ และให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการตามขั้นตอน”
มารอดูกันว่ากรณี “ดิไอคอนกรุ๊ป” นอกจาก “บอส” ทั้งหลายที่เกี่ยวข้องแล้ว จะสามารถเอาผิดกับ “นักการเมือง” คนใดคนหนึ่งได้หรือไม่