นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า กรณีที่คณะกรรมการสอบสวนฯ มีมติเห็นสมควรไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินรถไฟฯ บริเวณแยกเขากระโดง พื้นที่ 5,083 ไร่ เนื่องจาก รฟท.ไม่มีหลักฐานเป็นที่ข้อยุติว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นของ รฟท.นั้น ขณะนี้เพิ่งได้รับเอกสารดังกล่าว เบื้องต้นรฟท.จะพิจารณาร่วมกับกระทรวงคมนาคม เพื่อหาแนวทางที่ถูกต้องและเหมาะสม
"ที่ผ่านมาจากหลักฐานของรฟท.เคยนำแผนที่ดินเขากระโดงส่งให้กับทางศาลยุติธรรมแล้ว ในระหว่างนั้นมีการสู้คดีถึงชั้นกฤษฎีกา ซึ่งชนะคดีมาแล้ว" นายวีริศ กล่าว
นายวีริศ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่รฟท.เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกรณีที่มีประชาชนครอบครองที่ดินเขากระโดง ซึ่งเราก็มองว่าเหตุใดทำไมกรมที่ดินถึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในเมื่อเป็นผู้ออกโฉนดที่ดิน
"ขณะเดียวกันเราต้องพิจารณาด้วยว่าเหตุผลของอธิบดีกรมที่ดินที่ระบุนั้นมีความเหมาะสมและถูกต้องหรือไม่ คาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาเรื่องนี้ไม่เกิน 30 วัน" นายวีริศ กล่าว
อย่างไรก็ตามหากรฟท.เป็นผู้ดำเนินการเอง คาดว่าตามกระบวนการจะเดินหน้าสั่งฟ้องผู้ที่บุกรุกที่ดินทั้งหมด
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากผลการสอบสวนประกอบกับความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนฯ ซึ่งเห็นว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ไม่สามารถนำพยานหลักฐานมาแสดงให้ได้เป็นที่ยุติว่า เป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
นอกจากนี้ตำแหน่งที่ตั้งขอบเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย และผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนฯ ปรากฏว่าการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในท้องที่ตำบลเสม็ด และตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนและวิธีการที่กฎหมายกำหนด
ดังนั้น จึงยังไม่มีพยานหลักฐานปรากฏชัดแจ้งเพียงพอให้รับฟังได้ว่า ได้มีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่อธิบดีกรมที่ดินหรือผู้
ขณะเดียวกันอธิบดีกรมที่ดินมอบหมายจะใช้พิจารณาเพิกถอนหรือแก้ไข ตามนัยข้อ 12 แห่งกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการสอบสวน
และการพิจารณาเพิกถอนหรือแก้ไขการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมหรือการจดแจ้งเอกสารรายการจดทะเบียนโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย พ.ศ.2553 จึงเห็นควรยุติเรื่องในกรณีนี้