เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 18.00 น. นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ได้เดินทางไปยังสถานีรถไฟฟ้า BTS ช่องนนทรี เพื่อแจกใบปลิวลดภาษีบุคคล โดยมีข้อความระบุบนใบปลิวว่า “ภาษีพูดเบา ๆ ก็เจ็บ” ให้กับประชาชนที่สัญจรไปมา
โดยนายกรณ์ กล่าวว่า นโยบายภาษี ของพรรคชาติพัฒนากล้า ไม่มีความสลับซับซ้อน กล่าวคือ ใครที่มีเงินเดือน 40,000 บาทแรกไม่ต้องเสียภาษี ใครที่มีรายได้ที่สูงกว่า 40,000 บาท ก็จะได้รับปรับลดตามขั้นบันได ถามว่าจะมีผลต่อรายได้ของรัฐ หรือจะทำให้เสียวินัยทางการคลังไหม
นายกรณ์อธิบายว่า สำนักงบฯ ได้ประมาณการณ์ว่า ในปีงบประมาณหน้า รายได้โดยรวมของรัฐบาล จะเพิ่มขึ้น 2.7 แสนล้านบาท จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างมาก ในการสร้างความเป็นธรรมให้กับมนุษย์เงินเดือน
หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ระบุว่า ต้องไม่ลืมว่า บริษัทขนาดใหญ่ โดยเฉพาะที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ได้รับการลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เป็น 20% มานานกว่าสิบปีแล้ว ขณะที่มนุษย์เงินเดือนไม่ได้รับการช่วยเหลือมานานแล้ว ซึ่งเมื่อเทียบกับ ค่าครองชีพ ค่าความเป็นอยู่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งค่ารถไฟฟ้าไปกลับวันละร้อยกว่าบาท ถ้าใครใช้รถ ก็มีทั้งค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ค่าประกัน ค่าซ่อมบำรุง ฯลฯ นี่ยังไม่รวมถึงค่าเลี้ยงดูบุตรหลาน ผู้สูงอายุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมถึงเลือกใช้นโยบายลดภาษีหาเสียง นายกรณ์ กล่าวว่าหลายพรรคการเมืองเสนอนโยบายในลักษณะเดียวกันนี้ตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 แต่พอเข้าไปร่วมรัฐบาลแล้ว กลับไม่ได้ทำอะไร ทำให้ประชาชนคิดว่ามันถึงเวลาของเขาแล้วที่ควรจะได้รับความเป็นธรรม
เมื่อพรรคชาติพัฒนากล้าออกแบบนโยบายให้เข้าใจได้ง่าย เห็นชัด จับต้องได้และเขาได้รับประโยชน์อย่างชัดเจน การตอบรับถือต่อนโยบายดังกล่าวถือว่าดีมาก
นายกรณ์ กล่าวแสดงความมั่นใจในการจะผลักดันนโยบายลดภาษีให้เกิดขึ้นได้จริงว่า ในฐานะที่เคยเป็น รมว.คลัง มองว่าไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะแก้ปัญหา ขอให้มีความจริงใจที่จะผลักดันนโยบายนี้ ในฐานะรมว.คลังสามารถบัญชาการให้นโยบายนี้เป็นจริงได้ เพราะผลกระทบต่อรายได้ของรัฐก็ไม่ได้มาก
ในช่วงที่รายได้ของรัฐเริ่มฟื้นตัว ถึงเวลาที่เราจะหันมาให้ความสำคัญ ต่อคนทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน ให้ได้รับความเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนที่ผ่านไปผ่านมาบนสถานีรถไฟฟ้า BTS ให้ความสนใจนโยบายดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และได้ร่วมสนทนากับนายกรณ์ เป็นระยะด้วยความสนใจ