"กรณ์" ประกาศรื้อโครงสร้างเศรษฐกิจ ชูยุทธศาสตร์เฉดสีขับเคลื่อนประเทศ

งานสัมมนา "อนาคตประเทศไทย Economic Drives เศรษฐกิจไทย… สตาร์ทอย่างไรให้ก้าวนำโลก" ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ จัดโดยเครือเนชั่น ในช่วง "Policy Push-Market Drives กำหนดนโยบาย ให้ตรงใจตลาดโลก" 

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เริ่มต้นว่า วันนี้คำถามที่เราถูกเรียกมาให้ตอบ ก็คือ สตาร์ทอย่างไรเพื่อให้ไทยก้าวนำโลกก่อนจะได้คำตอบของคำถามนี้ เราคงต้องถามว่า เราจะสตาร์ทอย่างไรในขณะที่มีคนไทยถือบัตรคนจนอยู่ 14 ล้านคน คนไทยที่เป็นหนี้เอ็นพีแอลติดอยู่ในแบล็คลิสต์บูโรถึง 6 คน และมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 70 % ที่ไม่รู้จะไปต่อได้หรือไม่ 

คำตอบของเรื่องนี้ คือ การรื้อระบบโครงสร้างเศรษฐกิจในหลายเรื่องพร้อมกับการเร่งในหลายเรื่อง เพื่อที่จะตอบโจทย์ว่า เมื่อประเทศไทยเราพร้อมที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกันทุกคนซึ่งทำให้คิดถึงสินค้ายอดฮิตของคนไทยถือว่าเป็นโปรดักส์แชมเปี้ยนของภาคอุตสาหกรรมไทยเลยได้ มีการส่งออก 1 ล้านคัน/ปี แต่ข้อเท็จจริงคือ วันนี้ทั่วโลกกำลังเลิกใช้รถยนต์สันดาบ กำลังจะเลิกใช้น้ำมันดีเซล

ในขณะที่คนไทยก็เริ่มเปลี่ยนจากเจ้าของรถกะบะมาเป็นเจ้าของรถอีวี ส่งผลทำให้อุตฯยานยนต์ต้องมีการปรับตัวหรือรื้อระบบใหม่ซึ่งไม่จำเป็นต้องเริ่มจากศูนย์เพราะสิ่งที่มีคือองค์ความรู้ มีระบบซัพพลายส์เชนส์ที่ยอดเยี่ยม 

เช่นเดียวกับเศรษฐกิจไทยที่ต้องรื้อในหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งเราเอาก็มีของดีสะสมอยู่มาก เพียงแต่จะทำอย่างไรที่จะกำหนดยุทธศาสตร์และส่งเสริมให้ของดีเหล่านี้เป็นโอกาสของคนไทย 

สิ่งที่เราต้องรื้อ คือ 1.อุตสาหกรรมพลังงาน เพื่อให้ทำให้ต้นทุนพลังงานของคนไทย ของภาคเอกชนไทยถูกลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาน้ำมันที่เราต้องรื้อระบบการกำหนดราคาตลาด รื้อระบบโครงสร้างค่าการกลั่น

ยกเลิกราคาปัจจุบันที่อิงกับสิงคโปร์แล้วหันมาใช้ระบบกำหนดค่าการกลั่นซึ่งเป็นตัวกำหนดราคาน้ำมันหน้าปั๊ม โดยอ้างอิงจากต้นทุนที่แท้จริงของโรงกลั่นของคนไทย เรื่องของราคาไฟฟ้าต้องรื้อ การกำหนดราคาเอฟที 

2.อุตสาหกรรมการเงิน ที่ต้องสร้างความเป็นธรรมทางด้านภาษีโดยเฉพาะให้กับมนุษย์เงินเดือนโดยเฉพาะให้กับคนทำงาน สร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการสามารถที่จะเข้าไปสู่ระบบการกู้ยืมเงินในระบบในอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม ยกเลิกระบบแบล็คลิสต์บูโร แล้วนำระบบเครดิตสกอร์มาใช้แทน 

3.ภาคการเกษตร ต้องให้เกษตรไทยมีความมั่นคงมีชีวิตที่ดีขึ้น ต้องรื้อระบบสหกรณ์ เพื่อเป็นตัวช่วยและขายทั้งเป็นเป็นตัวเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร 

4.ที่สำคัญคือ รื้อระบบราชการด้วยการยกระบบราชการเข้าสู่ระบบดิจิทัล ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มความโปร่งใส ลดโอกาสการทุจริตคอร์รัปชั่น 

"เมื่อได้รื้อเรื่องสำคัญเหล่านี้แล้วเศรษฐกิจไทยก็จะเปลี่ยนสภาพจากรถกระบะ เป็นรถยนต์อีวีที่เราจะสามารถเหยียบคันเร่งได้เต็มที่ซึ่งการเหยียบคันเร่งนั้นก็ต้องเหยียบอย่างมียุทธศาสตร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของโลกและเอาของดีของเราเป็นของดีเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อน โดยพรรคชาติพัฒนากล้าได้เสนอยุทธศาสตร์ Spectrum Economy หรือ ยุทธศาสตร์เฉดสี 

เศรษฐกิจสีเขียว คือ การส่งเสริมการลงทุนครั้งใหญ่เพื่อปรับการผลิตพลังงานให้อิงกับการใช้พลังงานหมุนเวียน ส่งเสริมการเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืนให้กับเกษตรกรด้วยยุทธศาสตร์การปลูกป่าเศรษฐกิจ

เศรษกิจสีเทา ประเทศไทยมีเศรษฐกิจนอกระบบมากที่สุดในโลก เอามาอยู่ในที่สว่าง กำกับดูแลและเก็บภาษีได้

เศรษฐกิจขาว หรือเศรษฐกิจสายมู กระจายการท่องเที่ยวหรือสนับสนุนการท่องเที่ยวแนวศรัทธา 

เศรษฐกิจสีน้ำเงิน นโยบายที่จะส่งเสริมสร้างแพลตฟอร์มของคนไทย เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการ

เศรษฐกิจสีเหลืองหรือเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สนับสนุนสตาร์ทอัพ Soft Power 

เศรษฐกิจสีรุ้ง ให้สิทธิที่เป็นธรรมกับเพศสภาพที่หลากหลาย โดยพรรคชาติพัฒนากล้ามองมิติเศรษฐกิจที่มองกำลังซื้อของกลุ่ม LGBTQ ทั่วโลกเป็นลูกค้าทางเศรษฐกิจให้กับคนไทย ทั้งหมดนี้ คือ โอกาสและรายได้ของคนไทยทุกคนโดยทุกเฉดสีตามยุทธศาสตร์ Spectrum Economy จะเพิ่มรายได้เข้าประเทศไทยรวม 5 ล้านล้านบาท

พร้อมกันนี้มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแก้ปัญหาแอปฯที่มีการหลอกลวงประชาชนว่า เรื่องสำคัญ คือ การให้ความรู้กับประชาชนชี้ให้เห็นว่านอกจากความสะดวกสบายแล้วยังมีความเสี่ยงกรณีการทำธุรกรรมผ่านแอปฯโดยเฉพาะเรื่องของการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวที่จะนำไปสู่การถูกดูดเงินออกจากบัญชี หรือ ถูกหลอกลวงได้

ในขณะที่แบงก์ชาติในฐานะผู้กำกับดูแลสถาบันการเงินในการกำกับเรื่องของความเสถียรของระบบ เริ่มต้นที่ระบบเควายซีในการเปิดบัญชีที่มีการเปิดบัญชีม้าเกิดขึ้นซึ่งนำไปสู่การทุจริต ไม่สามารถตามตัวมิจฉาชีพได้ซึ่งอาจจะต้องถึงขั้นผลักภาระความรับผิดชอบบางส่วนไปให้กับสถาบันการเงินในกรณีที่เกิดการทุจริตในบัญชีธนาคารว่าได้มีการปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบตัวตนที่แท้จริงของเจ้าของบัญชีดีพอแล้วหรือยัง  

สิทธิการถือครองที่ดินโดยต่างชาติ มองว่าต้องพิจารณาตามความพร้อมของแต่ละพื้นที่เรื่องของสิทธิการถือครองที่ดินโดยต่างชาตินั้นบางพื้นที่อาจจะมีความเหมาะสม และตอบโจทย์ความต้องการของคนในพื้นที่นั้นซึ่งเราต้องยอมรับว่าต่างชาติเขาสนใจที่จะลงทุนบางพื้นที่เท่านั้น ขึ้นอยู่กับความพร้อมของสังคมที่จะยอมรับแนวความคิดแบบนี้หรือไม่ ซึ่งคงไม่ใช่ทุกคนทุกพื้นที่ที่จะมีความพร้อมเหมือนกัน

อย่างไรก็ดี ประเทศไทยต้องถึงวันที่เราพร้อมและมีความสามารถที่จะเปิดให้ชาวต่างชาติเข้ามาถือครองที่ดินในประเทศไทยได้เหมือนเช่นประเทศอื่นที่เปิดให้คนไทยสามารถที่จะซื้อและถือครองที่ดินได้ซึ่งประโยชน์ทางเศรษฐกิจมีแน่นอนขึ้นอยู่กับจังหวะและความพร้อมของคนไทยในแต่ละพื้นที่อาจมีการทำประชาพิจารณ์เพื่อให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นในพื้นที่ ๆ ที่มีความพร้อม เป็นต้น