นายทาคายะสุ ชิมาดะ ประธานบริษัท โตโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสุขภัณฑ์ที่มีความล้ำสมัยทั้งดีไซน์ รูปลักษณ์และเทคโนโลยีระดับโลก ภายใต้แบรนด์ “โตโต้”(TOTO)เผยว่า “โตโต้” เป็นผู้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านสุขภัณฑ์ยาวนานกว่า 100 ปี และมียอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจากผลสำรวจของบริษัทสำรวจข้อมูลทางการตลาดระดับโลก Euromonitor International Ltd. พบว่า ในปีพ.ศ. 2561บริษัทโตโต้มียอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLETเป็นอันดับ 1 ของโลก ซึ่งจนถึงปัจจุบันมียอดจัดจำหน่ายรวมทั้งสิ้นมากกว่า 50 ล้านชิ้นทั่วโลก ถือเป็นการตอกย้ำความสำเร็จในการจำหน่ายสินค้านวัตกรรมของโตโต้ได้เป็นอย่างดี
พิจารณาจากแผนการดำเนินงานระยะกลาง (Medium TermPlan) “TOTO WILL2022” มีความมุ่งมั่นที่จะส่งฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET ออกสู่ตลาดต่างประเทศ และเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET ที่เพิ่มมากขึ้นทั่วโลกทั้งในประเทศ ภูมิภาคเอเชียและสหรัฐอเมริกา บริษัทฯ เล็งเห็นศักยภาพและโอกาสอันดีเนื่องจากประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการกระจายสินค้าระดับโลก จึงเลือกประเทศไทยเป็นฐานในการผลิตครั้งนี้ ทั้งดำเนินการก่อสร้างโรงงานผลิตฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET หรือ โรงงานผลิตสุขภัณฑ์โตโต้ แห่งที่ 3 ขึ้นที่อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี โดยใช้งบลงทุนกว่า 1,073 ล้านบาท บนพื้นที่ก่อสร้าง 49,000 ตร.ม. ตั้งอยู่ในนิคมเดียวกับโรงงานปัจจุบัน
โรงงานผลิตฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLETเริ่มก่อสร้างในเดือนพฤษภาคมปี 2561แล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม ปี 2562 และสามารถเริ่มทำการผลิตจริงได้ในเดือนกรกฎาคม ปี 2562โดยตั้งเป้าการผลิตตลอด 9 ชั่วโมง ต่อวัน กำลังการผลิตประมาณ 450,000ชิ้นต่อปี โดยโรงงานดังกล่าวนอกจากการพัฒนากำลังการผลิตด้วยการนำเครื่องจักรแบบใหม่ล่าสุดมาใช้แล้ว ยังนำเครื่องมือที่มีคุณภาพสูงมาช่วยอำนวยความสะดวกในการผลิต เช่น การติดตั้งเครื่องปรับอากาศภายในพื้นที่ประกอบฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET และการติดตั้งเครื่องทดสอบการทำงานของฝารองนั่งอัตโนมัติWASHLET โดยตรวจสอบแบบอัตโนมัติ ลดความผิดพลาดจากการตรวจสอบของพนักงาน
ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งหวังให้ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตสินค้าโตโต้ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน สินค้าที่ผลิตได้จะต้องเป็นที่ยอมรับทั้งคุณภาพและมาตรฐานทุกระดับ รวมทั้งต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานระดับโลก และสำคัญที่สุดคือมาตรฐานของโตโต้ กรุ๊ป ที่เข้มงวดกว่ามาตรฐานใดในโลก ภายใต้การควบคุมและตรวจสอบที่เข้มข้นที่สุด โดยตรวจสอบสินค้าจำนวน100% ที่ทำการผลิตเพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าได้คุณภาพทุกชิ้นงานสำหรับโรงงานผลิตฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET ของโตโต้ กรุ๊ป มีทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ ในส่วนของโรงงานภายในประเทศไทยถือเป็นโรงงานลำดับที่ 5 ของบริษัทแต่หากนับเพียงแค่โรงงานผลิตฝารองนั่งอัตโนมัติWASHLET ที่ก่อตั้งในต่างประเทศก็จะนับว่าเป็นโรงงานลำดับที่ 3 ซึ่งการเปิดตัวโรงงานผลิตฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET จัดขึ้นเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา
"บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าปฏิวัติวงการสุขภัณฑ์ ด้วยฟังก์ชันการใช้งานสุดล้ำที่ผสานดีไซน์และนวัตกรรมระดับโลกไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าสุขภัณฑ์อัตโนมัติ NEOREST สุขภัณฑ์อัจฉริยะด้วยดีไซน์สุดหรู พร้อมนวัตกรรมล้ำสมัยทางเทคโนโลยีที่เพิ่มความสะดวกสบายสูงสุดให้กับผู้ใช้งาน มีคุณสมบัติที่โดดเด่นในด้านของระบบชำระล้างแบบ TORNADO FLUSH ทำความสะอาดได้อย่างหมดจดรอบทิศทางแบบ 360 องศา แม้ใช้น้ำในปริมาณน้อย
ดีไซน์โถสุขภัณฑ์แบบไร้ขอบ เคลือบด้วยสารเคลือบเซรามิกแบบพิเศษอย่างสาร CEFIONTECT ช่วยลดการเกาะติดของคราบสกปรกและง่ายต่อการทำความสะอาด เพิ่มความมั่นใจในความสะอาดอีกขั้นด้วย EWATER+ น้ำที่มีคุณสมบัติช่วยลดเชื้อแบคทีเรีย สำหรับทำความสะอาดก้านฉีดชำระและโถสุขภัณฑ์โดยไม่ใช้สารเคมี ฝารองนั่งเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟส่องสว่าง และระบบชำระล้างอัตโนมัติ ควบคุมการทำงานเพียงปลายนิ้วสัมผัสด้วยรีโมทคอนโทรล
รวมไปถึงกลุ่มสินค้าฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET โดยพัฒนาจากความต้องการของผู้ใช้งานใส่ใจทุกรายละเอียด ตอบโจทย์ความต้องการทุกด้านเพื่อความสะดวกสบายกับฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ อาทิ ก้านฉีดชำระล้างในตัวระบบกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ระบบเป่าแห้งระบบปรับอุณหภูมิฝารองนั่งให้อยู่ในสภาพอุ่นสบายตลอดการใช้งาน เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับความสะดวกสบายและความสะอาดสูงสุด"
นายทาคายะสุ ชิมาดะ กล่าวอีกว่า โตโต้ยังคงมองเห็นศักยภาพและโอกาสทางธุรกิจในประเทศไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปี2562 โตโต้ กรุ๊ปมียอดขายรวมทุกผลิตภัณฑ์ คิดเป็นมูลค่า 168,500ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายภายในประเทศญี่ปุ่น 124,400ล้านบาท ยอดขายต่างประเทศ 37,700ล้านบาท และ New Business Domains 6,400 ล้านบาทส่วนในปี2562ที่ผ่านมา ผลประกอบการโตโต้ ประเทศไทยเพิ่มขึ้น27% เมื่อเทียบกับปี 2561เป็นไปตามคาดหมาย และในปี 2563นี้ บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปี 2562