กลายเป็นกระแสดังเปรี้ยงปร้าง พูดถึงกันทั่วบ้านทั่วเมืองเมื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) ดีเวลอปเปอร์เบอร์ต้นของเมืองไทย ทวีตข้อความผ่าน @Thavisin ถึงสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ว่า
“ถ้าใครบอกว่าตลาดอสังหาฯยังไปได้ คนนั้นพูดไม่จริงแน่นอน ทุกวันนี้แสนสิริยอดโอนสูงเป็นประวัติการณ์ไม่ใช่เพราะตลาดดี แต่เราจัดโปรโมชั่นเพื่อเร่งขายเร่งโอน เพราะอยากได้เงินสดในการรับมือ worst case scenario” นั่นหมายถึงอสังหาฯกำลัง ตกอยู่กลางวงล้อมสถานการณ์อันเลวร้าย พร้อมยังระบุถึงผลกระทบของตลาดอสังหาฯ ที่จะมีผลพ่วงมาจากปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ หากรัฐไม่เร่งแก้ไข เนื่องจาก “เศรษฐกิจแย่ ภาคอสังหาฯยิ่งแย่ รัฐบาลต้องช่วย เพราะแม้แสนสิริจะพอไปไหวเพราะตุนเงินสดไว้แล้ว 12,000 ล้าน แต่เราก็ไม่อยากเห็นรายใดรายนึงไม่ว่าจะรายใหญ่หรือรายเล็กต้องล้มไปเพราะจะกระทบกันหมด”
ข้อความนี้สะท้อนว่า อสังหาริมทรัพย์ อยู่ในสถานการณ์ แย่จริง...เจ็บจริง ถึงขั้นที่ว่า ยักษ์ใหญ่ต้องออกมาส่งสัญญาณ ดังๆแรงๆ ถึงรัฐบาลอีกครั้ง และแม้ว่าคายใหญ่ จะพอประคองตัวแต่ ค่ายเล็ก จะอยู่รอดอย่างไร ดังนั้น แสนสิริ เหมือนเป็นผู้แทนที่ออกมาสะท้อนเสียงช่วยพวกพ้องกลุ่มก้อนเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ สถาบันการเงิน กูรูอสังหาต่างตั้งคำถามว่านี่อาจเป็นการ กระทุ้งแรงๆ อีกระลอก กันลืม ให้รัฐบาลช่วยเหลือ สำหรับ6 ข้อเสนอจาก 6 บิ๊กดีเวลอปเปอร์ ต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 กันยายน ที่ดูเหมือนทุกข้อ เป็นโจทย์หิน ยากยิ่งจะช่วยได้ และเป็นเรื่องที่ เคยเสนอมาก่อนหน้านี้
โดยเฉพาะหนึ่งในข้อเรียกร้อง ยกเลิกหรือผ่อนคลายมาตราการเข้มการปล่อยสินเชื่อ loan-to-value ratio (LTV) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังไม่ทันที่นายกรัฐมนตรีจะสั่งการล่าสุดแบงก์ชาติ ออกมาคว่ำกระดานทันควันว่า มาตราการ LTV ยังมีความจำเป็น
สอดรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจโคม่า ป้องกันความเสี่ยงในภาคอสังหาฯ ไม่ให้เกิดผลกระทบตามมาจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ซึ่งในมุมแบงก์ชาติ มองว่าหากใครต้องการที่อยู่อาศัยต้องมีความพร้อมอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นแล้ว อาจสร้างความเสียหายตามมาอย่างคาดไม่ถึง
ในทางกลับกัน ประชาชนที่ต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริงยังสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้โดยเฉพาะบ้านหลังแรก จากข้อมูล ธปท. ที่ยังตอกย้ำอีกว่า พบสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในไตรมาส 2 ปี 2563 ยังขยายตัวได้ถึง 4.4% สูงกว่าไตรมาสก่อน แม้จะอยู่ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 สินเชื่อที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นการซื้อบ้านหลังแรก สะท้อนว่ามาตรการ LTV ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงสินเชื่อของผู้ซื้อบ้านและสถาบันการเงินยังมีการปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มเติม
หากผู้กู้มีความสามารถในการผ่อนชำระ รวมทั้งมาตรการ LTV ยังช่วยรองรับผลกระทบของโควิด-19 ที่มีต่อภาคอสังหาฯ และระบบเศรษฐกิจโดยรวมเนื่องจากช่วยชะลอความต้องการเทียมและปริมาณที่อยู่อาศัยส่วนเกินก่อนเหตุการณ์ระบาดของโควิด-19
แน่นอนว่าในสถานการณ์ที่ยังเปราะบาง มีความไม่แน่นอนสูง อีกทั้งไม่แน่ชัดว่า โควิด-19 จะจบลงเมื่อใด นี่คือสาเหตุที่ ธปท. ไม่สามารถผ่อนปรนตามข้อเสนอ บิ๊กอสังหาฯ ในทางกลับกัน ยังคงเกาะติดประเมินสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ อย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ มาตราการขยายวีซ่า กระตุ้นให้คนต่างชาติ ซื้อที่อยู่อาศัยในไทย แต่ในทางกลับกัน ทั่วโลกยังวิกฤติ กับสถานการณ์โควิด เชื่อว่า การกลับมาระบาดรอบสองมีแนวโน้มเกิดขึ้นได้ หากไม่ระมัดระวัง
ขณะยอดสต็อกคงค้างรอการระบายยังมีสูง แม้ผู้ประกอบการจะออกแคมเปญ ดัมพ์ราคาแบบไม่มีกำไร ต้องยอมมีกระแสเงินสดเข้ามาดีกว่า กำของร้อนไว้ในมือ สำหรับมาตราการที่พอช่วยได้ นั่นคือการขยายวง ลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอน-ค่าจดจำนอง แต่หากให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม มองว่ารัฐบาลเองอาจตกที่นั่งลำบาก กับสถานการณ์ถังแตก ด้านค่ายศุภาลัยนายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ หนึ่งใน 6ดีเวลอปเปอร์ ที่เข้าพบนายกรัฐมนตรีมองว่า
หากรัฐบาลมีมาตราการเสริม เชื่อว่าจะช่วยพยุงตลาด อสังหาฯไว้ เนื่องจาก อุตสาหกรรมนี้เป็นเครื่องยนต์ใหญ่ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้เดินต่อได้ แม้ว่าศุถาลัยไม่แบกสต็อกไว้มาก และมีช่องทางทำตลาดได้ก็ตาม แต่ในภาพรวมแล้วมองว่าตลาดยังไม่ดีมากนัก
สอดรับกับ ค่ายแอลพีเอ็น นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ซีอีโอใหญ่ มองว่า อสังหาฯได้รับผลกระทบรอบด้าน ทั้งเศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้อถดถอย การปฏิเสธสินเชื่อมีสูง การเข้าถึงสินเชื่อยาก คนมีเงิน ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่มั่นใจสถานการณ์อันเลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต อีกทั้งถึงรอบชำระหุ้นกู้ อย่างไรก็ตาม การบาดเจ็บแต่ละค่ายต่างกัน ว่าใครมีสต็อกในมือมากกว่ากัน มีวิธีบริหารจัดการที่ดีกว่ากัน แต่ย้ำว่า อสังหาฯหลังจากการมาของโควิด “แย่จริงจัง”ประโยคทองบิ๊กดีเวลอปเปอร์ มองว่าครั้งนี้รัฐบาลต้องช่วย!...
หน้า8หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับ3609
ข่าวที่เกี่ยวข้อง