หนี้ครัวเรือนปัญหาใหญ่ที่นับวันจะเพิ่มปริมาณไปในทิศทางที่สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะ ผู้มีรายได้น้อย ส่งผลทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อเพื่ออยู่อาศัยได้ ขณะสถาบันการเงินต้องคุมเข้ม อย่างไรก็ตาม สำหรับทางออกของคนอยากมีบ้าน การเคหะแห่งชาติ มีแผน ปั้นฝันผู้มีรายได้น้อยให้มีบ้านด้วยการผลักดัน คนซื้อโครงการเอื้ออาทร และโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุดที่ 1 (เชิงสังคม) ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อ หรือไม่ผ่านการอนุมัติสินเชื่อกับสถาบันการเงิน เข้าร่วม “โครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย” โดยในปี 2563 และปี 2564 สำนักงบประมาณได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณให้การเคหะแห่งชาติ กว่า 690 ล้านบาท ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้เป็น กว่า1,000ราย
ทั้งนี้ นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า การเคหะแห่งชาติเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีภารกิจหลักในการพัฒนาที่อยู่อาศัย ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงที่อยู่อาศัยอย่างทั่วถึงตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย “โครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย” จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่สำคัญของการเคหะแห่งชาติ ที่จะช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงินทั่วไป ให้มีโอกาสได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ภายใต้กรอบวงเงิน 5,207 ล้านบาท โดยในปี 2563 และปี 2564 สำนักงบประมาณได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณให้การเคหะแห่งชาติกว่า 690 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ประมาณ 1,000 ราย
“ในช่วงต้นปี 2563 ประเทศไทยต้องประสบกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเกิดการชะลอตัว ประชาชนจำนวนมากต้องประสบปัญหาเรื่องรายได้ลดลงหรือโดนเลิกจ้างเนื่องจากหลายธุรกิจไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อของสถาบันการเงินได้ เกิดการค้างชำระเงินค่างวดต่างๆ รวมถึงการค้างชำระค่างวดที่อยู่อาศัย การเคหะแห่งชาติตระหนักถึงความจำเป็นในการพัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งระบบ เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น จึงปลดล็อกโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยให้ผู้เช่าซื้อโครงการบ้านเอื้ออาทรที่ไม่ผ่านการอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงินสามารถยื่นขอสินเชื่อได้ ปัจจุบันมีลูกค้าที่ผ่านการอนุมัติสินเชื่อแล้ว จำนวน 43 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อประมาณ 29 ล้านบาท และยังอยู่ระหว่างการพิจารณาสินเชื่ออีกจำนวน 18 ราย”
ดังนั้นการเคหะแห่งชาติจึงขอเชิญชวนลูกค้าโครงการบ้านเอื้ออาทร (ยกเว้นโครงการบ้านเอื้ออาทรสวนพลูพัฒนา เอื้ออาทรรัฐเอื้อราษฎร์กองทัพเรือ และเอื้ออาทรพัทลุง) และโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุดที่ 1-5 (เชิงสังคม) ที่มีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ที่ไม่ผ่านการพิจารณาสินเชื่อจากสถาบันการเงิน สามารถยื่นขอสินเชื่อกับโครงการดังกล่าวได้ ในอัตราดอกเบี้ย 3.5% ในปีที่ 1-2 อัตราดอกเบี้ย 4% ในปีที่ 3-4 และอัตราดอกเบี้ย 4.5 %
ในปีที่ 5 โดยการเคหะแห่งชาติได้กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเช่าซื้อโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยฯ ดังนี้ 1) ผู้เช่าซื้อต้องมีสัญชาติไทย 2) ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง 3) รายได้ครัวเรือนไม่เกิน 41,600 บาท/เดือน/ครัวเรือน 4) อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 60 ปี (กรณีอายุเกิน 60 ปี ต้องหาผู้เช่าซื้อร่วม และจะพิจารณาเป็นรายๆ) 5) ทำสัญญาเช่าซื้อร่วมได้ไม่เกิน 2 คนต่อสัญญา 6) เป็นผู้มีอาชีพและรายได้ที่สามารถตรวจสอบได้และสอดคล้องกับหลักฐานที่นำมาแสดง 7) ให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลเครดิต โดยผู้ที่สนใจสามารถยื่นขอสินเชื่อเช่าซื้อและตอบแบบสัมภาษณ์การขอเช่าซื้อ พร้อมแสดงเอกสารและหลักฐานครบถ้วนได้ที่สำนักงานใหญ่ การเคหะแห่งชาติ และสำนักงานเคหะนครหลวง หรือ สำนักงานเคหะจังหวัดในพื้นที่