นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า บริษัท มองเห็นโอกาสที่ดีหลังสถานการณ์โควิดที่เริ่มคลี่คลาย ซึ่งหากรัฐสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาได้เร็วก็จะส่งผลที่ดีต่อตลาดอสังหาฯ ตามไปด้วย ทั้งนี้ แสนสิริมองแง่บวกถึงทิศทางในปี 2565 หลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ที่ต้องปรับตัวให้เร็ว รองรับความต้องการลูกค้าและการกลับมาของตลาด เพื่อพร้อมวิ่งก่อนใคร โดยบริษัทได้เตรียมแผนขยายธุรกิจ ประกาศรับซื้อที่ดินจำนวนมาก 10 ทำเล รอบกรุงเทพฯ – ปริมณฑล โดยมีทำเลไฮไลท์ที่ต้องการ ได้แก่
1. ทำเลสายไหม – วัชรพล - สุขาภิบาล 5
2. ทำเลรามอินทรา - เกษตร-นวมินทร์ – ประดิษฐ์มนูธรรม
3. ทำเลพระราม 9 - กรุงเทพกรีฑา – รามคำแหง – มีนบุรี
4. ทำเลบางนา – อ่อนนุช – ศรีนครินทร์ – กิ่งแก้ว – ลาดกระบัง
5. ทำเลพระราม 3 – พระราม 2 – สุขสวัสดิ์ - ประชาอุทิศ
6. ทำเล ราชพฤกษ์ - พระราม 5 – รัตนาธิเบศร์
7. ทำเลเพชรเกษม – พุทธมณฑล – ศาลายา
8. ทำเลราชเทวี - ปทุมวัน –พระราม 4 - สุขุมวิท - สาทร
9. ทำเลจตุจักร – รัชดา - ลาดพร้าว
10. ทำเลธนบุรี – คลองสาน – บางรัก - เจริญกรุง – เจริญนคร
แสนสิริแข็งแกร่งรอบ 9 เดือน
ขณะผลงาน 9 เดือน สร้างยอดขายรวมได้ถึง 25,500 ล้านบาท คิดเป็น 82% จากเป้าหมายยอดขาย 31,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายจากโครงการแนวราบ 17,300 ล้านบาทและยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 8,200 ล้านบาท โดยผลงานในไตรมาสที่ 3 บริษัทมียอดขายสูงถึง 7,900 ล้านบาท โตขึ้น 139% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขาย 3,300 ล้านบาท
“ความสำเร็จของยอดขายในรอบ 9 เดือน มาจากการปิดการขายโครงการ 5 โครงการทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม นอกจากนี้แสนสิริยังตอกย้ำความสำเร็จของการเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งอสังหาฯ ไทยในตลาดซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ด้วยความสำเร็จของโครงการ “BuGaan เอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนท์" ระดับราคา 35.9 - 80 ล้านบาท ที่จ่อคิวปิดการขาย รวมทั้งการเป็นผู้นำการพัฒนาแบรนด์บ้านเดี่ยวระดับบน ด้วยยอดขายจากแบรนด์เศรษฐสิริ และ บุราสิริ ที่มียอดขายที่ดีต่อเนื่อง อาทิ เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา2,เศรษฐสิริ พระราม 5 และเศรษฐสิริ จรัญฯ – ปิ่นเกล้า2 เป็นต้น "
" ขณะที่ทาวน์โฮมแบรนด์ สิริ เพลส ซีรีย์ใหม่ “Dream Destination”ที่รุกเปิดตัวในปีนี้ก็ได้รับความสนใจและกระแสตอบรับที่ดีในทั้ง 2 โครงการ ทั้ง สิริ เพลส บางนา-เทพารักษ์ ที่พัฒนาจากแรงบันดาลใจการออกแบบจากมหานครนิวยอร์กและสิริ เพลส วงแหวน – ลำลูกกา แรงบันดาลใจการออกแบบจากเสน่ห์แห่งเมืองเกียวโต พร้อมเตรียมเปิดตัวทาวน์โฮม สิริ เพลส โครงการใหม่ในซีรีย์ “Dream Destination” อีกหลายทำเลต่อยอดความสำเร็จในเร็วๆ นี้ "
นายอุทัย ยังเผยว่า ความสำเร็จของยอดขายคอนโดมิเนียมในช่วง 9 เดือน ที่ประสบความสำเร็จครอบคลุมทุกเซกเมนต์ อาทิ คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค, โอกะ เฮาส์และเดอะ เบส สะพานใหม่ เป็นต้น โดยบริษัทยังได้ปิดการขายโครงการ ดีคอนโด ธาร จรัญฯ ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมไฮไลท์ด้วยความร้อนแรงของซีรีย์คอนโดมิเนียมแบรนด์ THE MUVE (เดอะ มูฟ) แบรนด์คอนโดน้องใหม่จากแสนสิริ หนึ่งในโปรดักส์ไฮไลท์ในปีนี้ ที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นของแสนสิริ ในการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการมีบ้านของคนทุกกลุ่มและรองรับเซกเมนต์ในระดับราคาที่เข้าถึงง่าย สร้างความสำเร็จได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากกลุ่มลูกค้าไทยและชาวต่างชาติ ตั้งแต่ “เดอะ มูฟ เกษตร” ตามมาด้วย
“เดอะ มูฟ ราม 22” Sold Out!
สำหรับแนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียม ล่าสุดประกาศปิดการขายโครงการ เดอะมูฟ ราม 22 เรียบร้อยแล้ว และยัง มี 2 โครงการ สะท้อนความเป็นเบอร์หนึ่งเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมของแสนสิริอย่างแท้จริงและมีแนวโน้มจะส่งต่อความสำเร็จไปยัง เดอะ มูฟ บางนา/เดอะ มูฟ บางแค และ เดอะ มูฟ ประดิพัทธิ์ อีก 3 คอนโดน้องใหม่ซีรีย์ฮอตแห่งปี ที่เตรียมเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 ต่อไป
นอกจากนี้ แสนสิริยังมีผลงานการโอนที่โดดเด่นในรอบ 9 เดือน โดยมียอดโอนโครงการรวมทั้งแนวราบและแนวสูงถึง 23,700 ล้านบาท หรือคิดเป็น 76%จากเป้าหมายยอดโอน 31,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม ในสัดส่วน 52 : 48 โดยไตรมาสสุดท้าย บริษัทยังมียอดโอนต่อเนื่องจากคอนโดมิเนียมเอดจ์ เซ็นทรัล – พัทยา คอนโดไลฟ์สไตล์สุดพีคใจกลางพัทยา และ ดีคอนโด ไฮด์อเวย์ – รังสิต รองรับการรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ตามเป้าหมายรายได้จากการขายที่วางไว้ 27,600 ล้านบาท โดยล่าสุด แสนสิริมี Secured Revenueหรือรายได้ในมือที่รองรับแล้วถึง 24,800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 90% จึงคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้ารายได้ที่วางไว้
เปิดใหม่ 7 โครงการ
แสนสิริ เผยว่า ยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 4 อีก 7 โครงการ มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 โครงการแนวราบ มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาทได้แก่ “DEMI สาธุ 49” ดีลักซ์ ทาวน์โฮมจากแสนสิริ ราคา 17.9 – 35 ล้านบาท, โครงการฮาบิเทีย ไพร์ม ราชพฤกษ์ บ้านเดี่ยวในสังคมส่วนตัวเพียง 10 ยูนิตราคา 7 – 9 ล้านบาท เปิดชมครั้งแรก 30 – 31 ตุลาคมนี้ และโครงการอณาสิริ รังสิต บ้านสไตล์ญี่ปุ่น เริ่ม 4.59 – 7 ล้านบาท เปิดชมครั้งแรกธันวาคมนี้
นอกจากนี้เพื่อต่อยอดความสำเร็จของการเป็นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยวระดับบน จากยอดขายที่ดีของแบรนด์บ้านเดี่ยวเศรษฐสิริและบุราสิริแสนสิริยังได้เตรียมเปิดขายบ้านดีไซน์ใหม่ใน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการบุราสิริ พหล-วัชรพล บ้านบรรยากาศรีสอร์ท พร้อม Courtyard ในราคา 13.99 - 22 ล้านบาท,เศรษฐสิริ จรัญฯ - ปิ่นเกล้า 2 บ้านดีไซน์ใหม่ พร้อม Double Volume ในราคา 12 - 25 ล้านบาท และเศรษฐสิริ พหล - วัชรพล บ้านวิวสวน พร้อม Double Volumeในราคาเริ่ม 18.99 ล้านบาท ในวันที่ 16 - 17 ตุลาคมนี้อีกด้วย ขณะที่แผนการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในช่วงไตรมาสสุดท้าย แสนสิริเตรียมเปิดตัว 4 โครงการคอนโดมิเนียมราคาเข้าถึงง่าย มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท ได้แก่ “เดอะ มูฟ ประดิพัทธิ์” ทำเลคอมมูนิตี้ ใจกลางเมืองเพียง 500 เมตร จาก BTS สะพานควาย เริ่ม 2.19 ล้านบาทเตรียมเปิดให้จองสิทธิ์มาก่อนได้ก่อนเร็ว ๆ นี้
“เดอะ มูฟ บางแค” ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีบางแคเพียง 190 เมตร เริ่ม 1.39 ล้านบาท เตรียมเปิดพรีเซลล์ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดตัว “ดีคอนโด พนา” คอนโดใหม่ ใกล้ MRT บางขุนนนท์ ส่วนกลางครบ พร้อมพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ เริ่ม 1.59 – 3.99 ล้านบาท เปิดจองวันที่ 6 – 7 พฤศจิกายนนี้ พร้อมเตรียมเปิดตัวแบรนด์คอนโดมิเนียมใหม่ “condo me” คอนโด มี นวนคร มีคอนโดง่ายๆ เฟอร์นิเจอร์ครบ พร้อมอยู่ ราคาต่ำล้าน เริ่ม 999,999 บาท เปิดจองวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ ตอบรับความต้องการกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้นและตอกย้ำความมุ่งมั่นของแสนสิริในการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการมีบ้านของคนทุกกลุ่ม