6 บิ๊กอสังหาฯ กวาดกำไรปี 65 พุ่ง 2 หมื่นล้าน

ศุภาลัย ทำ New Record กำไร

เริ่มต้นที่ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ที่เคยทำสถิติ แง่รายได้และกำไรสูงสุดไปแล้วในปี 2564 แต่พบว่า ปี 2565 ทำ New Record อีกครั้ง โดย นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม ผู้บริหาร เผยว่า รอบปีที่ผ่านมา ตลาดที่อยู่อาศัย ได้อานิสงส์ จากการฟื้นตัว ของความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย และการสนับสนุนมาตรการของภาครัฐและสถาบันการเงิน ทำให้ผลงาน การเปิดตัวโครงการใหม่ในกลุ่มสินค้าแนวราบและคอนโดมิเนียมเป็นไปตามแผนที่ตั้งไว้

สร้างปรากฎการณ์ New High ครั้งใหญ่อีกครั้ง โดยทุบสถิติรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดด สูงถึง 35,501 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% ทั้งๆที่วางเป้าหมายไว้ที่ 29,000 ล้านบาทเท่านั้น  และผลกำไรสุทธิสูงถึง 8,173  ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทนับเป็นความสำเร็จ ในช่วงที่มีความท้าทายมากที่สุด และ สะท้อนถึงการปรับตัว ความแข็งแกร่งขององค์กรที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วอีกด้วย 

แนวราบพุ่ง ดันกำไร เอพี 5.8 พันล้าน

ขณะ บมจ. เอพี ไทยแลนด์ ในตำแหน่งผู้พัฒนาโครงการสูงสุดของอุตสาหกรรมในรอบปี 2565 สร้างผลงานได้น่าสนใจเช่นกัน โดยเฉพาะ การตีตลาด "แนวราบ" ได้ถูกจุด โดยนายวิทการ จันทวิมล คีย์แมนคนสำเร็จ เผยว่า ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ สร้างรายได้รวม อยู่ที่ 49,388 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.4% พร้อมกำไรสุทธิ  5,876 ล้านบาท เพิ่ม 29.4% 

โดยแรงผลักสำคัญ เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 4 หลังโกยรายได้โตอย่างก้าวกระโดด จากกลุ่มคอนโดมิเนียมร่วมทุน การซื้อและโอนกรรมสิทธิ์กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง  อย่างไรก็ดี คีย์แฟกเตอร์ตลอดทั้งปี กลับเป็นผลงานในกลุ่มโครงการแนวราบ ที่มีผลต่อรายได้รวมมากถึง 35,605 ล้านบาท 

SC เติบโตทุกมิติ 

เช่นเดียวกับ ความสำเร็จของเจ้าใหญ่ในกลุ่มบ้านหรู ที่โตกระฉูด โดย บมจ.เอสซี แอสเสทฯ โชว์ฟอร์มแกร่ง ปิดปี 2565 อย่างสวยงาม เติบโตทุกมิติ ทำสถิติสูงสุดทั้งยอดขาย รายได้ และกำไรสุทธิ 

นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร เผยว่า ในปี 2565 บริษัทกวาดยอดขายได้ 24,468 ล้านบาท เติบโต 12%  และมีรายได้รวม 21,685 ล้านบาท เติบโต 11%   โดยรายได้หลักจากการขาย 20,654 ล้านบาท เติบโต 11 %  มาจากรายได้จากโครงการแนวราบ 17,420 ล้านบาท และรายได้จากโครงการแนวสูง 3,234 ล้านบาท  บริษัทมียอดขายรอโอนรวม 11,125 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,556 ล้านบาท เติบโต 24% ทั้งนี้ ในปี 2566 พบ SC มีโครงการเพื่อขายรวมทั้งหมด 76 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 90,000 ล้านบาท

เศรษฐกิจ Q4 ฟื้น "โนเบิล' เทิร์นอะราวด์

นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บมจ. โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์  ชี้ว่า ภาพรวมการฟื้นตัวเศรษฐกิจชัดเจน ทำให้ โครงการที่อยู่อาศัย ในทำเลชั้นนำของ กทม.และ ปริมณฑล ได้รับอานิสงส์ จากกำลังซื้อที่กลับมา และส่งผลต่อการขายโครงการของบริษัทฯ โดยเฉพาะ ช่วงไตรมาส4 ปี 2565 บริษัทกลับมาเทิร์นอะราวด์อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมที่ 3,946 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 141% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 338 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 9,185% หลังเร่งส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ได้ทั้งหมด 5 โครงการ เช่น โครงการโนเบิล สเตท สุขุมวิท 39 , นิว ศรีนครินทร์–ลาซาล ,โนเบิล อราวน์ อารีย์  ส่งผลให้ทั้ง ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมที่ 8,678 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 455 ล้านบาท

ขณะที่ยอดขายรวม เติบโตทะยานแตะระดับ 17,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์  ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯมา

"พฤกษา" ฟื้นกำไรโต 18% 

ด้าน นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พฤกษา โฮลดิ้ง  เปิดเผยว่า ปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,772 ล้านบาท เติบโต 18% ขณะรายได้ใกล้เคียงกับปี 2564 ที่ 28,640 ล้านบาท ทั้งนี้ นับเป็นสะท้อนถึงการบริหารจัดการต้นทุนของสินค้าและบริการได้ดี ทั้งเรื่องการพัฒนาใช้แผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูป รวมถึงการนำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) เข้ามาใช้เพื่อลดต้นทุนการก่อสร้าง จากปริมาณการใช้ซีเมนต์ที่ลดลง พร้อมกับลดค่าขนส่งและจำนวนชั่วโมงการทำงานที่ลดลงด้วย 

เจาะลึกลงในธุรกิจที่อยู่อาศัย ปีที่ผ่านมา พฤกษา เรียลเอสเตท มี รายได้ 27,191 ล้านบาท ภายใต้การเปิดโครงการใหม่รวม 19 โครงการ มูลค่า 11,100 ล้านบาท

 LPN แจ้ง ตลท. มีกำไรเพิ่ม 

ส่วน บมจ.แอล.พี.เอ็น แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า สำหรับปี 2565 บริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 612 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 102.47 % หลังจากรายได้จากธุรกิจหลักเพิ่มขึ้น 4,705 ล้านบาท รวมรายได้ 6,136 ล้านบาท หลังมีการทำโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย ตกแต่งสินค้าเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการอย่างต่อเนื่อง  อีกทั้ง ด้วยปัจจัยภายนอก เศรษฐกิจเริ่ม กลับมาปกติ และปีที่แล้ว รัฐบาลยังคงมาตรการส่งเสริมอสังหาริมทรัพย์ไว้เกือบตลอดทั้งปี ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของบริษัท  

ส่วนรายได้จากธุรกิจให้เช่า และบริการเพิ่มขึ้น 13 % หลังสถานการณ์ 
โควิด-19 ผ่อนคลายดีขึ้น ทำให้การเช่ายังคงเพิ่มขึ้น และรายได้ค่าบริหารเพิ่มขึ้น