10 มีนาคม 2566 - วานนี้ ในงานสัมมนา Property Focus : Big Change to Future โอกาสและความท้าทาย อสังหาริมทรัพย์ไทย ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ สื่อในเครือเนชั่น วงเสวนา : โอกาสใหม่ อสังหาฯ
แสนสิริ ลุยแผนคอนโดฯ รับดีมานด์ต่างชาติ ตั้งเป้ายอดขาย 1.2 หมื่นล้าน
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองเกี่ยวกับ บทเรียนภายใต้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ช่วงปี 2563-2565 ว่า แม้ขณะนั้นตลาดที่อยู่อาศัยจะชะลอ ตามแรงถ่วงของเศรษฐกิจ แต่ข้อดีของอสังหาฯ คือ เป็นกลุ่มสินค้าที่ผูกพันธ์กับปัจจัย4ในการดำรงชีวิต ทำให้ดีมานด์คนไทยไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ถูกอั้นเอาไว้
อย่างไรก็ดี หลังประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤติ เปิดประเทศ ต้อนรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น และมีการตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากถึง 25-30 ล้านคนในปีนี้ นี่ถูกมองเป็นเทรนด์ขาขึ้นของอสังหาฯอย่างชัดเจน จากเครื่องยนต์หลัก การท่องเที่ยวจะดันให้เศรษฐกิจเติบโต
แต่ที่เป็นโอกาสสำคัญมากกว่านั้น คือ เห็นการกลับเข้ามาของกำลังซื้อต่างชาติ ในกลุ่มคอนโดมิเนียม ที่สามารถครอบครองกรรมสิทธิ์ได้ตามกฎหมาย โควต้า 49% กระแสการท่องเที่ยวที่คึกคัก ในหัวเมืองสำคัญ โดยมีชาวรัสเซีย หลั่งไหลเข้ามาในจังหวัดภูเก็ต ชาวจีน ไปเชียงใหม่ ไม่นับรวมความต้องการจากชาติอื่นๆ ที่อาจมาท่องเที่ยว เกิดความนิยม และอยากเข้ามาอยู่อาศัยในประเทศไทย
ย้อนไปปี 2565 บริษัท แสนสิริ สามารถเก็บเกี่ยวกำลังซื้อจากชาวต่างชาติ ด้วยยอดขาย 7.8 พันล้านบาท ขณะปี 2566 ตั้งเป้ายอดขายที่ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยมีแผนนำแบรนด์ "ดีคอนโด" และ "เดอะ เบส" ไปปักหมุด ทั้งในจังหวัด ภูเก็ต ,สงขลา (หาดใหญ่ ),เชียงใหม่ ,ขอนแก่น และ ชลบุรี (พัทยา) ขณะล่าสุด ด้วยกลยุทธ์ Speed to Market แสนสิริ ได้ทำการจัดโร้ดโชว์นอกประเทศเป็นครั้งแรก โดยนำโครงการ “เดอะ เบส ไฮท์-เชียงใหม่” ซิตี้ คอนโดฯ ตึกสูงแห่งแรกของเชียงใหม่จากแสนสิริ ไปนำเสนอขายที่ประเทศฮ่องกง หลังที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จสร้างยอดขายจากทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้อย่างล้นหลาม ในเชียงใหม่ และมองเห็นโอกาสจากชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน และ ฮ่องกง ที่มองหาที่อยู่อาศัยนอกประเทศไว้เพื่อลงทุน และเป็นบ้านหลังที่สองในไทย เช่นเดียวกับแนวโน้มความต้องการในกลุ่ม CLMV
"ขณะนี้เราพร้อมในการบุกตลาดต่างชาติ นอกเหนือจากชาติหลัก กลุ่มประเทศ CLMV ก็เป็นโอกาสที่มีการเติบโตสูงมากเลย ชาวเมียนมาร์ กัมพูชา สปป.ลาว เริ่มเข้ามาในตลาดอสังหาฯไทย นี่จะเป็นแรงหนุน ถ้านักท่องเที่ยวกลับมา ดีมานด์ต่างชาติก็โต"
"ซิซซา กรุ๊ป" เจาะอสังหาฯเพื่อลงทุน รับชาวรัสเซีย ผุดโปรเจ็กต์ โรงแรม-โรงเรียนนานาชาติ-สวนสนุก
ขณะ นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด ระบุว่า อสังหาฯไทย มีโอกาสมากกว่า การซื้อเพื่ออยู่อาศัย ประเมิน ปี 2566 จะเป็นปีที่ดีของเศรษฐกิจไทย รวมถึงภาคอสังหาฯ ด้วย บริษัทเอง เป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ ในรูปแบบเพื่อการลงทุน (โปรเจ็กต์แบ่งหน่วยลงทุน) พื้นที่หลัก คือ จังหวัดภูเก็ต ยอมรับ ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เจ็บตัวมากพอสมควร แต่ปัจจุบัน สถานการณ์การท่องเที่ยวที่ดีขึ้น บวกกับผลกระทบเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ สงครามรัสเซีย -ยูเครน ทำให้ มีชาวรัสเซียเดินทางเข้ามาอย่างมหาศาล ช่วยเพิ่มรายได้ในกลุ่มโรงแรม รวมถึง แนวโน้ม นักท่องเที่ยวชาวจีน , อินเดีย และกลุ่มชาติตะวันตกด้วย ซึ่งเป็นส่วนเติมเต็มภาคการท่องเที่ยวของภูเก็ต ในช่วงโลว์ซี่ซัน มองระยะยาว น่าจะสดใส
ทั้งนี้ โอกาสต่อเนื่องในภาคอสังหาฯ ของจังหวัดภูเก็ตนั้น ขณะนี้ มีชาวต่างชาติ อย่างชาวรัสเซีย เป็นผู้ซื้อเบอร์ 1 โดยเฉพาะในกลุ่มพลูวิลล่า เพราะมีการเคลื่อนย้ายหนีภัยความมั่นคง หาบ้านหลังที่ 2 เนื่องจาก ไม่สามารถซื้ออสังหาฯในหลายประเทศได้ จากการถูกคว่ำบาตร ขณะไทยเอง ถูกมองว่าเป็นสวรรค์ของชาวรัสเซีย นอกจากยินดีต้อนรับแล้ว ยังมีแวดล้อม สภาพอากาศ ค่าครองชีพที่ไม่แพง ทำให้อสังหาฯไทยได้รับความนิยมสูง
แต่โมเดลอสังหาฯที่น่าสนใจ คือ การพัฒนาอสังหาฯเพื่อการลงทุน ซึ่งเป็นรูปแบบการทำธุรกิจหลักของซิซซา 4-5ปีก่อน หยิบยกโมเดลมาจาก เมืองอสังหาฯระดับโลก อย่าง ฮ่องกง ,อังกฤษ มาใช้ เพื่อตอบรับกับกลุ่มที่ต้องการลงทุนอสังหาฯ โดยใช้อสังหาฯเป็นเครื่องผลิตเงินโดยตรง ต่างจากการซื้อที่อยู่อาศัยแล้วนำมาปล่อยเช่า ขณะวิธีการนั้น บริษัทจะเป็นผู้ริเริ่มพัฒนาโรงแรม และแบ่งบางส่วน ขายให้กับนักลงทุน โดยนักลงทุนดังกล่าวจะได้สิทธิ์เข้าพักตามเงื่อนไข และรอรับผลตอบแทนกลับ หลังจากบริษัท นำหน่วยลงทุนไปบริหารจัดการในรูปแบบโรงแรมต่อ โปรเจ็กต์ที่ประสบความสำเร็จชัดเจน คือ วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต ซึ่งมียอดเข้าพักเต็ม และค่าที่พักจะถูกหมุนให้กับนักลงทุนต่างๆ
อย่างไรก็ดี บริษัท มองเห็นโอกาสมากกว่านั้น หลังจากกระแสท่องเที่ยวไทยบูม และนักท่องเที่ยว สนใจการท่องเที่ยวในเชิงสุขภาพ โดยบริษัท ได้พัฒนา เมดิคัลเซ็นเตอร์ ร่วมในโปรเจ็กต์โรงแรม โดยวางเป้าหมายให้เป็น เดสติเนชั่นโฮเทล ในจังหวัดภูเก็ต เพื่อเป็นแม่เหล็กดึงนักท่องเที่ยว และสร้างโอกาสผลตอบแทนให้กับนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน ยังได้พัฒนาโครงการโรงเรียนนานาชาติ เพื่อรองรับกับกระแสชาวต่างชาติย้ายถิ่นเข้ามาอยู่อาศัย โดยเฉพาะชาวรัสเซีย โดยโรงเรียนดังกล่าว จะอยู่ตรงกลาง แวดล้อมด้วยหมู่บ้านพลูวิลล่า รวมถึง มีแผนพัฒนา สวนสนุกและโปรเจ็กต์อาคารสำนักงานร่วมด้วย
"ประเทศไทยเหมาะมากกับการทำอสังหาฯเพื่อลงทุน เพราะมีจุดแข็ง - พื้นฐาน - แวดล้อมดีหลายด้าน นี่ต่างหาก ที่จะเป็นอนาคตจริงๆ ของอสังหาฯไทย จากความนิยมของต่างชาติ "
ซีพีแลนด์ กับ กลยุทธ์ รีเทลเดสติเนชั่น แนะรัฐเพิ่มผู้ซื้อต่างชาติเข้าตลาด
ด้านนายกีรติ ศตะสุข ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) ชี้ว่า ช่วงสถานการณ์โควิด-19 คือ บทเรียนที่ดีของนักพัฒนาอสังหาฯไทย ว่าแผนระยะยาว อาจใช้ไม่ได้ต่อไป และเป็นจุดเปลี่ยน ว่าการทำธุรกิจแบบยืดหยุ่น แตกพอร์ตลงทุน เป็นสิ่งจำเป็น
ขณะทิศทางของอสังหาฯนั้น วิวัฒนาการเดิม มีเพียง การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย และ โรงแรม ก่อนเข้าสู่โหมดสองของอุตสาหกรรม ผู้พัฒนาเริ่มหันมา ให้ความสนใจ กับตลาดอาคารสำนักงาน ก่อนปัจจุบัน เข้าสู่ ตลาด คอมเมอร์เชียล ศูนย์ประชุม และห้างสรรพสินค้า
แต่สิ่งที่บริษัทมองเป็นโอกาสหลังโควิด พร้อมๆกับกระแสการท่องเที่ยวคึกคักนั้น คือ การพัฒนาโครงการแบบผสมผสาน ( มิกซ์ยูส) เพื่อสร้างคอนเทนต์ ความน่าสนใจ และดึงดูดให้คนยุคใหม่ๆ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ อยากมาสัมผัส อยากครอบครอง ขณะเดียวกัน วันนี้ ต้องยอมรับว่า ในตลาดอสังหาฯ กำลังซื้อคนไทยหดหายไป เห็นแนวโน้มดีเวลลอปเปอร์ต่างๆ กำลังสร้างน่านน้ำใหม่ๆ เป็นการแข่งขันที่สูงขึ้น แต่ผู้ซื้อน้อยลง วัดกันที่โอกาสล้วนๆ ว่าใครตอบสนองผู้บริโภคได้เร็วและตรงจุดมากกว่ากัน โดยอยากเห็น อสังหาฯไทย ไปไกลได้มากกว่านี้ โดยเฉพาะ ความต้องการในกลุ่มชาวต่างชาติ และฝากให้รัฐบาลช่วยกระตุ้น และวางแผนสนับสนุนในอนาคต
" ถ้ารัฐบาลอยากอสังหาฯไทยเป็นดาวเด่นในเอเชีย ในระดับโลก ต้องกระตุ้นผู้ซื้อต่างชาติ และ สนับสนุนฝั่งผู้ขาย เทียบ ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ เมืองชั้นนำ ที่ไม่ได้กลัวการมาของต่างชาติ ถ้าถามว่าอยากได้อะไรจากรัฐบาลใหม่ ไม่ใช่การผ่อนคลายกฎ LTV แต่ อยากได้แผนการผลักดัน ให้ไทยเป็นเมืองอสังหาฯอย่างจริงจัง เพิ่มผู้ซื้อ บริษัทเอง มองโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส ที่อยู่-อาคารสำนักงาน และร้านค้า เป็นแม่เหล็กยุคใหม่ "